คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7279/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกนอกจากฝ่ายโจทก์ไม่มาศาลแล้ว จำเลยทั้งสามก็ไม่มาศาลเพราะยังส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 1 ไม่ได้ ส่วนจำเลยที่ 2 มิได้ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด แต่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้มีคำสั่งว่าจำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ สำหรับจำเลยที่ 3 ที่ได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องก็ยังมีสิทธิยื่นคำให้การภายหลังวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกนั้น กรณีเช่นนี้แม้โจทก์และพยานโจทก์จะมาศาลก็ไม่อาจสืบพยานโจทก์ได้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งเลื่อนคดีไปเพื่อมีคำสั่งเกี่ยวกับจำเลยทั้งสามเสียก่อน การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความย่อมไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ในฐานะผู้รับช่วงสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำนวน 62,947 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

ศาลชั้นต้นหมายเรียกให้จำเลยทั้งสามยื่นคำให้การภายใน 15 วัน วันที่ 24 เมษายน 2540 โจทก์ยื่นคำแถลงขอส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลจังหวัดนครราชสีมาและศาลจังหวัดธัญบุรี ตามลำดับ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตตามขอ แต่ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 ไม่ได้ วันที่ 8 กรกฎาคม 2540 ทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีเพื่อสืบหาภูมิลำเนาจำเลยทั้งสามศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์แถลงที่อยู่ของจำเลยทั้งสามให้ทราบภายใน 7 วัน มิฉะนั้น ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง และศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 29 สิงหาคม 2540 ต่อมาวันที่ 15 กรกฎาคม 2540 ทนายโจทก์ยื่นคำแถลงขอส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 3 โดยวิธีปิดหมาย ศาลชั้นต้นอนุญาต วันที่ 18 มิถุนายน 2540 ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 2 ได้โดยวิธีปิดหมาย วันที่ 13 สิงหาคม 2540 ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 3 ได้โดยวิธีปิดหมายเช่นกัน วันที่ 29 สิงหาคม 2540 ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่มาศาลศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ขาดนัดพิจารณา ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ

โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อุทธรณ์ว่าวันนัดสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 วรรคแรก ที่จะถือว่าโจทก์ทราบโดยชอบต้องเป็นวันที่สามารถสืบพยานกันได้นั้น เห็นว่า ในวันที่ 29 สิงหาคม 2540 ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์นอกจากฝ่ายโจทก์ไม่มาศาลแล้ว จำเลยทั้งสามก็ไม่มาศาลเพราะยังส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 1 ไม่ได้จำเลยที่ 2 มิได้ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด แต่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้มีคำสั่งว่าจำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ ส่วนจำเลยที่ 3 ได้รับหมายเรียก และสำเนาคำฟ้อง เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2540 จำเลยที่ 3มีสิทธิยื่นคำให้การภายในวันที่ 12 กันยายน 2540 กรณีเช่นนี้แม้โจทก์และพยานโจทก์จะมาศาลก็ไม่อาจสืบพยานโจทก์ได้ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งเลื่อนคดีไปเพื่อมีคำสั่งเกี่ยวกับจำเลยทั้งสามเสียก่อน ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความย่อมไม่ชอบ

พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ตั้งแต่มีคำสั่งให้โจทก์ขาดนัดพิจารณา แล้วพิพากษาไปตามรูปคดีค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษา

Share