คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7273/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 4 มีหน้าที่รับผิดชอบในการประมูลและควบคุมการก่อสร้างถนนที่เกิดเหตุ จึงมีหน้าที่ดูแลและจัดให้มีเครื่องหมาย ป้ายหรือสัญญาณจราจรในบริเวณที่เกิดเหตุ และต้องคอยควบคุมดูแลให้จำเลยที่ 2 ติดตั้งเครื่องหมายต่าง ๆ ให้ถูกต้อง เมื่อจำเลยที่ 2ไม่ได้ติดตั้งเครื่องหมายและสัญญาณจราจรให้ถูกต้องเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำของจำเลยที่ 4 จึงเป็นการละเว้นไม่ควบคุมจำเลยที่ 2 ให้จัดการป้องกันอันตรายอันจะเกิดแก่ผู้ใช้ถนนตามหน้าที่ จำเลยที่ 4 เป็นผู้ประมาทเลินเล่อต้องรับผิดต่อโจทก์ในผลแห่งละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นผู้ประมูลและทำการก่อสร้างถนนสายรังสิต-บางพูน และสายบางพูน-รังสิต จำเลยที่ 4 มีหน้าที่รับประมูลและควบคุมการก่อสร้างถนนสายดังกล่าว ตลอดจนดูแลสั่งการให้จำเลยที่ 1 ที่ 2จัดทำเครื่องหมายและสัญญาณไฟให้ถูกต้องตามกฎจราจรเพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้เส้นทางสัญจรในบริเวณก่อสร้าง โดยจำเลยที่ 4 มอบให้จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นข้าราชการในสังกัดเป็นผู้ควบคุมโจทก์เป็นเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์ หมายเลขทะเบียน 9ข-4778กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2530 เวลา 19.30 นาฬิกาโจทก์ขับรถยนต์ดังกล่าวมาตามถนนสายบางพูน-รังสิต มุ่งหน้าไปทางรังสิตและผ่านไปตามเส้นทางตามป้ายศรชี้ของจำเลยที่ 4เพื่อขึ้นสะพานข้ามทางรถไฟด้วยความระมัดระวัง แต่เนื่องจากความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งได้นำเอาท่อระบายน้ำขนาดใหญ่มาวางปิดตลอดแนวด้านทางลงของสะพานโดยมิได้มีไฟฟ้าหรือสัญญาณไฟ หรือสิ่งสะท้อนแสงใด ๆ โจทก์ไม่สามารถหลบหลีกหรือห้ามล้อได้ทัน ทำให้รถยนต์ที่โจทก์ขับชนท่อระบายน้ำเสียหายคิดเป็นเงินค่าเสียหายทั้งสิ้น 300,000 บาทโจทก์ขอคิดดอกเบี้ยนับจากวันทำละเมิดถึงวันฟ้อง 1,875 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้เงิน 301,875 บาท และดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสี่จะใช้เงินให้โจทก์เสร็จ
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุ จึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 1 และที่ 2มิได้ประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหาย ความประมาทเกิดจากโจทก์ขับรถด้วยความเร็วสูงขณะเมาสุราจำเลยได้มีสัญญาณไฟกระพริบและป้ายสะท้อนแสงไว้ห่างจากท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ซึ่งใช้ปิดกั้นถนนประมาณ 10 เมตร แล้ว โจทก์เสียหายไม่เกิน 10,000 บาทฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนจำเลยที่ 3 ยื่นคำให้การ โจทก์ยื่นคำบอกกล่าวขอถอนคำฟ้องศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยที่ 4 ให้การว่า จำเลยที่ 4 เป็นผู้ว่าจ้างมีหน้าที่ควบคุมจำเลยที่ 2 ให้การก่อสร้างเป็นไปตามสัญญาจ้าง ไม่มีหน้าที่ควบคุมสั่งการให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จัดทำเครื่องหมายและสัญญาณไฟตามฟ้องโจทก์ แต่จำเลยที่ 4 ก็ได้สอดส่องดูแลและตรวจสอบให้จำเลยที่2 จัดให้มีเครื่องหมายจราจรชั่วคราวสามารถมองเห็นได้ชัดเจนติดอยู่ตลอดระยะทางที่ก่อสร้างเพื่อให้เกิดความสะดวกและปลอดภัยแก่ประชาชนผู้ใช้เส้นทางสัญจรในบริเวณก่อสร้างดังกล่าวเป็นอย่างดีแล้ว และจำเลยที่ 4 ไม่เป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำจำเลยที่ 4 ไม่ต้องร่วมรับผิด อุบัติเหตุคดีนี้เกิดขึ้นเนื่องจากความประมาทเลินเล่อของโจทก์เอง ค่าเสียหายของโจทก์ไม่เกิน6,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 และที่ 4 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 176,615 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 และที่ 4ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์สองในสามส่วนของเงินจำนวน 176,615 บาทนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248วรรคหนึ่ง และในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 238 ประกอบมาตรา 247ปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 4 ว่า จำเลยที่ 4 มิได้เป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้จำเลยที่ 2 ทำหรือในคำสั่งที่ให้ไว้หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง จำเลยที่ 4 จึงไม่ต้องรับผิดในความเสียหายที่จำเลยที่ 2 ได้ก่อให้เกิดขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 428 นั้น เห็นว่า เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงถึงที่สุดแล้วว่า จำเลยที่ 4 มีหน้าที่ดูแลและจัดให้มีเครื่องหมายป้ายหรือสัญญาณจราจรในบริเวณที่เกิดเหตุ และต้องคอยควบคุมดูแลให้จำเลยที่ 2 ติดตั้งเครื่องหมายต่าง ๆ ให้ถูกต้อง เมื่อจำเลยที่ 2ไม่ได้ติดตั้งเครื่องหมายและสัญญาณจราจรให้ถูกต้อง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำของจำเลยที่ 4 จึงเป็นการละเว้นไม่ควบคุมจำเลยที่ 2 ให้จัดการป้องกันอันตรายอันจะเกิดแก่ผู้ใช้ถนนตามหน้าที่ จำเลยที่ 4 เป็นผู้ประมาทเลินเล่อ ต้องรับผิดต่อโจทก์ในผลแห่งละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
พิพากษายืน

Share