คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7253/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไม่ว่าอาคารพิพาทที่จำเลยปลูกสร้างจะผิดเทศบัญญัติหรือไม่ก็ตาม หากไม่ได้ละเมิดสิทธิโจทก์ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะไม่ใช่เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ตามกฎหมายแพ่ง หาใช่ว่าถ้าจำเลยปลูกสร้างอาคารพิพาทผิดเทศบัญญัติดังกล่าวแล้วจะเป็นการละเมิดสิทธิโจทก์ที่เป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงเสมอไป
การละเมิดสิทธิอาจมีได้หลายประการ โจทก์อ้างว่าอาคารพิพาทปลูกสร้างปิดกั้นทางลมที่จะพัดเข้ามาในบ้านโจทก์ ทั้งเศษขยะต่าง ๆ หล่นจากระเบียงช่องระบายลมของอาคารพิพาทลงมาบนที่ดินและบ้านโจทก์ อันเป็นเรื่องละเมิดสิทธิโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 แต่เมื่อปรากฏว่าโจทก์ปลูกห่างจากที่ดินด้านที่ติดกับอาคารพิพาทประมาณ 13 เมตร เป็นบ้านสองชั้นและมีหน้าต่างเปิดได้ทั้งสี่ด้าน ปกติหน้าต่างจะเปิดตลอดเวลา และบ้านโจทก์ไม่ได้ปลูกอยู่ประชิดติดกับอาคารพิพาทและมีระยะห่างเพียงพอที่ลมจะพัดเข้าถึงบ้านโจทก์ได้ ทั้งโจทก์ไม่ได้นำสืบว่าบ้านโจทก์ถูกอาคารพิพาทบังแดดบังลมหรือไม่อย่างไร ส่วนเศษขยะก็มีเพียงเศษกระดาษและวัสดุที่เป็นพลาสติกเพียงไม่กี่ชิ้น ไม่ใช่ขยะที่มีกลิ่นเหม็นหรือมีจำนวนมากมาย ทั้งปรากฏว่าได้มีการนำตาข่ายมาปิดกั้นระเบียงอาคารพิพาทไม่ให้วัสดุหล่นลงมาในที่ดินโจทก์แล้ว กรณีดังกล่าวยังไม่ถือเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 11112 โดยมีบ้านเลขที่ 77/2 ปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าวจำเลยทั้งสองเป็นสามีภรรยากันและร่วมกันปลูกสร้างอาคารหรืออพาร์ตเมนต์บนที่ดินโฉนดเลขที่ 11116 และเลขที่ 29126 ทางด้านทิศตะวันตกติดกับที่ดินโจทก์ แต่อาคารจำเลยทั้งสองดังกล่าวได้ก่อสร้างผิดต่อเทศบัญญัติของเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช เรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2494 ข้อที่ 59โดยสร้างช่องหรือระเบียบระบายลมในอาคารห่างจากเขตที่ดินโจทก์เพียง 140 เซนติเมตรทำให้ปิดกั้นทางลม และทำให้ฝุ่นละอองและเศษวัสดุต่าง ๆ หล่นจากอาคารลงบนที่ดินและบ้านโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินโฉนดเลขที่ 11116และเลขที่ 29126 ทั้งนี้ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่สูงกว่าปกติออกไป ให้จำเลยทั้งสองปิดกั้นช่องระบายลมในอาคารที่ปลูกสร้างบนที่ดินในด้านที่ติดกับที่ดินโจทก์อย่างถาวร

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นผู้ก่อสร้างและไม่ได้เป็นผู้ขออนุญาตก่อสร้างอาคารต่อเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เทศบาลเมืองนครศรีธรรมราชอนุญาตให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อสร้างอาคารเมื่อวันที่ 1มิถุนายน 2536 และไม่ได้ก่อสร้างผิดต่อเทศบัญญัติของเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราชเรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2494 ข้อ 59 แต่อย่างใด ผู้มีอำนาจในการฟ้องร้องให้ผู้ที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างอาคารผิดเทศบัญญัติ คือเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ นอกจากนี้อาคารจำเลยทั้งสองไม่ได้ปิดกั้นทางลมและไม่ได้ทำให้เศษวัสดุหล่นจากอาคารลงบนที่ดินโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ว่า จำเลยทั้งสองได้ปลูกสร้างอาคาร ช่องระบายลม เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 หรือไม่ โจทก์ฎีกาว่าเทศบัญญัติของเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช เรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2494ข้อ 59 ที่ห้ามไม่ให้ผู้ใดก่อสร้างอาคารในที่ดินที่ติดกับที่ดินผู้อื่นโดยเว้นระยะห่างไม่ถึง3 เมตร จะมีช่องประตูหน้าต่างหรือช่องระบายลมด้านที่ติดกับที่ดินผู้อื่นไม่ได้ ถ้าผู้ใดไม่ปฏิบัติตามย่อมเป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่น ผู้ถูกละเมิดจึงเป็นผู้เสียหาย มีสิทธิฟ้องเรียกร้องตามสิทธิของตนได้ จำเลยทั้งสองก่อสร้างอาคารพิพาทผิดเทศบัญญัติดังกล่าวโจทก์จึงย่อมมีสิทธิขอให้จำเลยทั้งสองปิดกั้นช่องระบายลมและระเบียงในอาคารที่ติดกับที่ดินโจทก์ได้ ทั้งอาคารด้านดังกล่าวก็มีเศษขยะหล่นลงมาในที่ดินโจทก์และบังแดดบังลมทำให้โจทก์เสียหายอีกด้วย เห็นว่า แม้อาคารพิพาทจะปลูกสร้างผิดเทศบัญญัติของเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราชดังที่โจทก์อ้างหรือไม่ก็ตาม หากไม่ได้ละเมิดสิทธิโจทก์โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะไม่ใช่เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ตามกฎหมายแพ่งแต่อย่างใด หาใช่ว่าถ้าจำเลยทั้งสองปลูกสร้างอาคารพิพาทผิดเทศบัญญัติดังกล่าวแล้วย่อมเป็นการละเมิดสิทธิโจทก์ที่เป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงเสมอไปดังโจทก์ฎีกาไม่ การละเมิดสิทธิโจทก์อาจมีได้หลายประการ ซึ่งคดีนี้โจทก์อ้างว่าอาคารพิพาทปลูกสร้างปิดกั้นทางลมที่จะพัดเข้ามาในบ้านโจทก์ ทั้งเศษขยะต่าง ๆ หล่นจากระเบียงช่องระบายลมของอาคารพิพาทลงมาบนที่ดินและบ้านโจทก์อันเป็นเรื่องละเมิดสิทธิโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 ได้ความจากตัวโจทก์ว่า บ้านโจทก์ปลูกห่างจากที่ดินด้านที่ติดกับอาคารพิพาทประมาณ 13 เมตร เป็นบ้านสองชั้นและมีหน้าต่างเปิดได้ทั้งสี่ด้าน ปกติหน้าต่างจะเปิดตลอดเวลา เศษขยะที่หล่นลงมานั้นจะหล่นจากช่องระเบียง บ้านโจทก์ไม่ได้ปลูกอยู่ประชิดติดกับอาคารพิพาทมีระยะห่างเพียงพอที่ลมจะพัดเข้าถึงบ้านโจทก์ได้ ทั้งโจทก์ก็ไม่ได้นำสืบว่าบ้านโจทก์ถูกอาคารพิพาทบังแดดบังลมหรือไม่อย่างไร อนึ่ง เศษขยะมีเศษกระดาษและวัสดุที่เป็นพลาสติกเพียงไม่กี่ชิ้น หาใช่ขยะที่มีกลิ่นเหม็นหรือมีจำนวนมากมายแต่อย่างใดไม่ ทั้งปรากฏว่าได้มีการนำตาข่ายมาปิดกั้นระเบียงอาคารพิพาทไม่ให้วัสดุหล่นลงมาในที่ดินโจทก์แล้ว จึงเห็นว่ากรณีดังกล่าวยังไม่ถือเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337

พิพากษายืน

Share