คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7233/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 1836/115 ส่วนบ้านเลขที่ 1836/116 นั้นไม่มีชื่อจำเลยอยู่ในสำเนาทะเบียนบ้านจึงไม่ใช่ภูมิลำเนาของจำเลยหรือสำนักทำการงานของจำเลยการที่พนักงานเดินหมายไปปิดหมายนัดแจ้งกำหนดนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่บ้านเลขที่ดังกล่าว จึงเป็นการปิดหมายที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 77,79 ถึงแม้จะปรากฎว่าส.จะเคยแจ้งแก่เจ้าพนักงานศาลว่าจำเลยที่อยู่ ณ บ้านเลขที่ 1836/116 แต่ส.มิใช่คู่ความไม่มีอำนาจจะแจ้งแถลงไขความดังกล่าว จึงไม่ผูกมัดจำเลยในอันจะฟังว่าจำเลยมีภูมิลำเนาหรือภูมิลำเนาเฉพาะกาลณ บ้านเลขที่ดังกล่าว ที่จะมีผลให้การปิดหมายของพนักงานเดินหมายเป็นการปิดโดยชอบ การที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังไปฝ่ายเดียวโดยที่จำเลยไม่ทราบนัดและไม่มาศาลนั้น จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทำให้กระบวนพิจารณาหลังจากนั้นต่อมาเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยชอบที่จะต้องเพิกถอนเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนการซื้อขายโรงภาพยนตร์ และศูนย์การค้าระหว่างนายศักดิ์ชัย อมรพิมลกับจำเลยศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนการจดทะเบียนการซื้อขายตามฟ้องโจทก์ จำเลยอุทธรณ์ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3และได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 3 ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 5มกราคม 2533 โดยโจทก์มาศาล ส่วนจำเลยทราบนัดแล้วไม่มา
จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2533 ว่า จำเลยไม่เคยได้รับหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 จำเลยอยู่บ้านเลขที่ 1836/115 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางพลัดเขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร แต่พนักงานเดินหมายไปปิดหมายนัดที่บ้านเลขที่ 1836/116 การอ่านคำพิพากษาจึงไม่ชอบขอให้นัดอ่านใหม่
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า บ้านเลขที่ 1836/115 และ 1836/116 เป็นของจำเลย มีจำเลยและนางสุพรรณีย์ อัคคชาติกุล ภรรยาจำเลยอาศัยอยู่ด้วยกัน การส่งหมายให้จำเลย ณ บ้านเลขที่ 1836/116 จึงเป็นการส่งหมายให้แก่จำเลยโดยชอบแล้ว จำเลยยื่นคำร้องเพื่อประวิงคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 77 บัญญัติว่า การส่งคำคู่ความหรือเอกสารอื่นใดโดยเจ้าพนักงานศาลไปยังที่อื่นนอกจากภูมิลำเนา หรือสำนักทำการงานของคู่ความหรือของบุคคล ซึ่งระบุไว้ในคำคู่ความหรือเอกสารนั้น ให้ถือว่าเป็นการถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อ
(1) คู่ความหรือบุคคลนั้นยอมรับคำคู่ความหรือเอกสารนั้นไว้ หรือ
(2) การส่งคำคู่ความหรือเอกสารนั้นได้กระทำในศาล
มาตรา 79 บัญญัติว่า ถ้าการส่งคำคู่ความหรือเอกสารนั้นไม่สามารถจะทำได้ดังที่บัญญัติไว้ในมาตราก่อน ศาลอาจสั่งให้ส่งโดยวิธีอื่นแทนได้กล่าวคือ ปิดคำคู่ความหรือเอกสารไว้ในที่แลเห็นได้ง่าย ณ ภูมิลำเนา หรือสำนักทำการงานของคู่ความหรือบุคคลผู้มีชื่อระบุไว้ในคำคู่ความหรือเอกสาร หรือมอบหมายคำคู่ความหรือเอกสารไว้แก่เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองในท้องถิ่นหรือเจ้าพนักงานตำรวจแล้วปิดประกาศแสดงการที่ได้มอบหมายดังกล่าวแล้วนั้นไว้ดังกล่าวข้างต้น หรือลงโฆษณาหรือทำวิธีอื่นใดตามที่ศาลเห็นสมควร
ข้อเท็จจริงได้ความตามรายงานการเดินเผชิญสืบ ลงวันที่ 25ตุลาคม 2533 และสำเนาทะเบียนบ้านเลขที่ 1836/116 และ 1816/115เอกสารหมาย ป.ล.1 และ ป.ล.2 ที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 1836/115 ส่วนบ้านเลขที่ 1836/116 นั้น ไม่มีชื่อจำเลยอยู่ในสำเนาทะเบียนบ้านจึงไม่ใช่ภูมิลำเนาของจำเลยหรือสำนักทำการงานของจำเลย การที่พนักงานเดินหมายไปปิดหมายนับแจ้งกำหนดนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่บ้านเลขที่ดังกล่าวจึงเป็นการปิดหมายที่ไม่ชอบด้วยด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายข้างต้นถึงแม้จะปรากฎว่านางสุพรรณีย์ อัคคชาติกุล จะเคยแจ้งแก่เจ้าพนักงานศาลว่าจำเลยอยู่ ณ บ้านเลขที่ 1836/116 แต่นางสุพรรณีย์มิใช่คู่ความ ไม่มีอำนาจจะแจ้งแถลงไขความดังกล่าวจึงไม่ผูกมัดจำเลยในอันจะฟังว่าจำเลยมีภูมิลำเนาหรือภูมิลำเนาเฉพาะกาล ณ บ้านเลขที่ดังกล่าว ที่จะมีผลให้การปิดหมายของพนักงานเดินหมายเป็นการปิดโดยชอบการที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้โจทก์ฟังไปฝ่ายเดียวเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2533 โดยที่จำเลยไม่ทราบนัดและไม่มาศาลนั้น จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายและทำให้กระบวนพิจารณาหลังจากนั้นต่อมาเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยชอบที่จะต้องเพิกถอนเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27
พิพากษายก คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 และคำสั่งศาลชั้นต้นกับยกการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่ได้อ่านเมื่อวันที่ 5มกราคม 2533 และกระบวนพิจารณาภายหลังจากนั้นต่อมา ให้ศาลชั้นต้นนัดโจทก์จำเลยมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ใหม่ต่อไป

Share