คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7232/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนและมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีลักษณะของการกระทำที่แตกต่างและต่างขั้นตอนกัน แยกการกระทำแต่ละอย่างต่างหากจากกันได้ ทั้งเป็นการกระทำความผิดกฎหมายคนละมาตรากัน แม้จำเลยถูกจับกุมในคราวเดียว ในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ต่อมาตรวจพบสารเสพติดในร่างกายของจำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง และนับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1337/2543 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 57, 67, 91 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุก 6 เดือน ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 7 ปี รวมจำคุก 7 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี 9 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง และนับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 910/2545 ของศาลชั้นต้น (ที่ถูก ให้ยกฟ้องข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย)
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่), 91 (ที่แก้ไขใหม่) (ที่ถูก 57, 91 (ที่แก้ไขใหม่)) ลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 12 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้วคงจำคุก 6 ปี เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนแล้ว เป็นจำคุก 6 ปี 3 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2544 เวลาประมาณ 12 นาฬิกา เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยพร้อมยึดได้เมทแอมเฟตามีนจำนวน 400 เม็ด เป็นของกลาง ชั้นจับกุมแจ้งข้อหาว่ามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยให้การรับสารภาพ ชั้นสอบสวนแจ้งข้อหาเช่นเดียวกัน จำเลยให้การรับสารภาพ จำเลยมีอาชีพทำนา รายได้ไม่แน่นอน มีรายได้จากการขายผักเดือนละ 1,000 ถึง 2,000 บาท มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ เห็นว่า เมทแอมเฟตามีนของกลางมีจำนวนถึง 400 เม็ด จำเลยมีฐานการเงินไม่ดี เมทแอมเฟตามีนของกลางดังกล่าวจึงมีจำนวนมากเกินกว่าที่จำเลยจะมีไว้เพื่อใช้เสพ ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับว่าซื้อมาเพื่อนำไปจำหน่าย พยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนและมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นการกระทำกรรมเดียวกันนั้น เห็นว่า ข้อหาเสพและมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มีลักษณะของการกระทำที่แตกต่างและต่างขั้นตอนกัน แยกการกระทำแต่ละอย่างต่างหากจากกันได้ ทั้งเป็นการกระทำความผิดกฎหมายคนละมาตรากัน แม้จำเลยถูกจับกุมในคราวเดียว ในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ต่อมาตรวจพบสารเสพติดในร่างกายของจำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรม ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share