คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7226/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ในคดีไม่มีข้อพิพาทบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียและถูกโต้แย้งสิทธิก็ร้องสอดเข้ามาในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา57(1)ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากผู้ร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่3027 เนื้อที่ดินเฉพาะส่วน 70 ตารางวา โดยการครอบครองปรปักษ์คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น
ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องสอดเข้ามาในคดีอ้างว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ดังกล่าว ขอเป็นคู่ความเพื่อต่อสู้คดีและแสดงความจริงให้ปรากฏต่อศาลต่อไป
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งว่ากรณีตามคำร้องไม่ต้องด้วยบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 เพราะคดีนี้เป็นคดีไม่มีข้อพิพาท ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องสอดได้ ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องสอด อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
ผู้ร้องสอด ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า ในกรณีร้องสอดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) นั้นบุคคลภายนอกอาจเข้ามาในคดีเพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ได้โดยแสดงเหตุผลที่ขอเข้ามาในคดีให้ปรากฎแม้ในคดีไม่มีข้อพิพาทเมื่อเป็นผู้มีส่วนได้เสียและถูกโต้แย้งสิทธิก็ร้องสอดได้ เพราะบทบัญญัติเกี่ยวกับการร้องสอด มีความมุ่งหมายทำนองเดียวกันกับการเข้าเป็นคู่ความร่วม การฟ้องแย้งและการรวมพิจารณานั่นเอง กล่าวคือ เรื่องราวทั้งหลายที่พิพาทกันนั้นหากมีใครเกี่ยวข้องที่จะต้องพิพาทกันด้วย ก็ควรจะได้พิจารณาไปเสียในคราวเดียวกัน หาจำต้องมีโจทก์และจำเลยเป็นคู่ความเดิมอยู่ก่อนเสมอไปไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองให้ยกคำร้องของผู้ร้องสอด ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษากลับ ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3ให้รับคำร้องสอดไว้ดำเนินการต่อไป แล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาตามรูปคดี

Share