คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 722/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ตรงสี่แยกในทางของรถคันหนึ่งจะมีป้ายให้หยุดก็ตามแต่เมื่อไม่มีรถอื่นในทางสายที่ตัดผ่านหน้า หรือหากมีแต่ยังอยู่ในระยะห่างแล้ว รถคันที่อยู่ในทางป้ายให้หยุดก็ไม่จำต้องรอให้รถอื่นนั้นผ่านไปเสียก่อนในเมื่อเห็นว่าจะผ่านไปได้โดยปลอดภัย
การที่ลูกจ้างขับรถยนต์ไปส่งของตามคำสั่งของนายจ้างเสร็จแล้วขับรถไปธุระส่วนตัวโดยนายจ้างไม่ทราบ จากนั้นจึงขับรถจะกลับมาที่ร้านนายจ้างโดยเปลี่ยนเส้นทางขากลับระหว่างทางไปชนรถของผู้อื่นเสียหายซึ่งเป็นการละเมิดเช่นนี้ ถือว่ายังเป็นการกระทำในทางการที่จ้าง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ไปในทางการที่จ้างชนรถฟอร์ดคอนซูลของนาวาเอกประยูรซึ่งได้ประกันไว้กับโจทก์โจทก์จึงต้องจ่ายค่าซ่อม 7,115 บาทไป ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้

จำเลยให้การร่วมกันว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ทำไปในทางการที่จ้างและไม่ได้เป็นฝ่ายละเมิด

ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ชนรถฝ่ายโจทก์โดยประมาทจริง พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าซ่อมรถ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ที่จำเลยฎีกาว่า นาวาเอกประยูรเป็นฝ่ายประมาทนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าแม้ตรงสี่แยกในทางของนาวาเอกประยูรจะมีป้ายให้หยุดก็ตามแต่เมื่อปรากฏว่าไม่มีรถยนต์ในทางสายที่ตัดผ่านหน้าหรือหากมีรถยนต์กำลังแล่นมาแต่ยังอยู่ในระยะห่างแล้ว รถในทางของนาวาเอกประยูรก็ไม่มีความจำเป็นต้องรอให้รถนั้นผ่านไปเสียก่อน ในเมื่อเห็นว่าจะผ่านไปได้โดยปลอดภัย ข้อเท็จจริงปรากฏว่าเมื่อรถจำเลยที่ 1 เข้าชนรถนาวาเอกประยูรนั้น รถนาวาเอกประยูรได้แล่นพ้นจุดกึ่งกลางทางร่วมสี่แยกกำลังจะเข้าถนนศรีอยุธยาอยู่แล้ว จำเลยยังอยู่ห่างสี่แยกชอบที่จะห้ามล้อชลอความเร็วให้รถนาวาเอกประยูรผ่านไปเสียก่อนซึ่งถ้าหากจำเลยที่ 1 ขับรถมาด้วยความเร็วปกติและใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว ก็อาจห้ามล้อได้ทันและไม่อาจชนกันได้ จึงเห็นได้ว่าเหตุที่รถชนกันขึ้นนี้เพราะความประมาทของจำเลยที่ 1 ฝ่ายเดียว

ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ขับรถในทางการที่จ้างศาลฎีกาเห็นว่าแม้ข้อเท็จจริงจะเป็นดังคำจำเลยที่ 1 ว่าจำเลยที่ 1 นำผงซักฟอกไปส่งที่วงเวียนเล็กตามคำสั่งของจำเลยที่ 2 หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 จึงขับรถของจำเลยที่ 1 ไปธุระส่วนตัว เสร็จแล้วกำลังจะนำรถกลับร้านจำเลยที่ 2 จึงเกิดชนกันขึ้นก็ตาม พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ได้นำรถขับออกจากร้านจำเลยที่ 2 เพื่อไปส่งผงซักฟอกก็เนื่องจากได้รับคำสั่งของจำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้างยอมมอบหมายให้จำเลยที่ 1 เอารถไป อันเป็นการแสดงอยู่ว่าจำเลยที่ 2 ไว้ใจในการปฏิบัติของจำเลยที่ 1 ฉะนั้น แม้จำเลยที่ 1 จะได้เปลี่ยนเส้นทางขากลับจนเกิดเหตุไปชนรถของนาวาเอกประยูรเสียหายขึ้นก็ถือได้ว่ายังเป็นการปฏิบัติที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้าง จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 (อ้างฎีกาที่ 1716-1717/2503)

พิพากษายืน

Share