แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาของข้าราชการที่ไปศึกษา ณ ต่างประเทศ หากจำเลยเห็นว่าฟ้องโจทก์ไม่ถูกต้องเนื่องจากโจทก์อนุญาตให้จำเลยรับราชการที่หน่วยงานอื่นเพื่อชดใช้ทุนแก่โจทก์จนครบถ้วนแล้ว จำเลยก็ชอบที่จะยกข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นต่อสู้ให้เป็นประเด็นไว้ในคำให้การเพราะเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นหรือมีอยู่ในขณะฟ้อง เมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ และคดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยไม่อาจยกข้อเท็จจริงดังกล่าวซึ่งโจทก์ยังโต้แย้งอยู่ขึ้นอ้างในชั้นบังคับคดีเพื่อไม่ต้องรับผิดตามคำพิพากษา กรณียังถือไม่ได้ว่าไม่มีหนี้ตามคำพิพากษาที่จะต้องบังคับต่อไป ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 295 (1) โจทก์ชอบที่จะบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญารับทุนไปศึกษาต่อชั้นปริญญาโท ณ ต่างประเทศ ที่ทำไว้แก่โจทก์โดยขอลาออกจากราชการในขณะที่ยังชดใช้ทุนไม่ครบและไม่นำเงินมาชำระเพื่อชดใช้ทุนตามสัญญา ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 383,200 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 340,623 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 361911.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 340,623 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอให้บังคับคดี ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ระงับการบังคับคดีไว้ก่อน
โจทก์แถลงคัดค้านว่า ข้ออ้างของจำเลยเกิดขึ้นก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้แต่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีไว้ และการที่จำเลยไปรับราชการในหน่วยงานอื่นก็ไม่ถือเป็นการชดใช้ทุนแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้โจทก์ดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ถอนการบังคับคดีแก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์บังคับคดีแก่จำเลยได้หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาของข้าราชการที่ไปศึกษา ณ ต่างประเทศ โดยกล่าวอ้างว่าจำเลยซึ่งได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาต่อต่างประเทศและกลับมารับราชการกับโจทก์แล้วได้ขอลาออกจากราชการในขณะที่ยังชดใช้ทุนไม่ครบและไม่นำเงินมาชำระเพื่อชดใช้ทุนตามสัญญา จึงให้จำเลยรับผิดชดใช้เงินที่ได้รับในระหว่างการศึกษาพร้อมเบี้ยปรับ หากจำเลยเห็นว่าฟ้องโจทก์ไม่ถูกต้องเนื่องจากภายหลังจำเลยขอลาออกจากราชการแล้ว จำเลยได้ขอกลับมารับราชการกับโจทก์เพื่อชดใช้ทุนต่อไปอีกแต่โจทก์ไม่มีอัตรารองรับจะบรรจุและแต่งตั้งได้ โจทก์จึงอนุญาตให้จำเลยไปรับราชการที่หน่วยงานอื่นเพื่อชดใช้ทุนและจำเลยได้รับราชการที่หน่วยงานอื่นเพื่อชดใช้ทุนแก่โจทก์จนครบถ้วนแล้ว จำเลยก็ชอบที่จะยกข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นต่อสู้ให้เป็นประเด็นไว้ในคำให้การเพราะเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นหรือมีอยู่ในขณะฟ้องเมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์คดีถึงที่สุดแล้วจำเลยไม่อาจยกข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นอ้างในชั้นบังคับคดีเพื่อไม่ต้องรับผิดตามคำพิพากษา แต่ชอบที่จะขอให้พิจารณาคดีใหม่หากการขาดนัดของจำเลยมิได้เป็นไปโดยจงใจหรือมีเหตุอันสมควร ดังนั้น จำเลยจะยกข้อเท็จจริงดังกล่าวซึ่งโจทก์ยังโต้แย้งอยู่ว่าไม่ถือว่าเป็นการชดใช้ทุนขึ้นอ้างเพื่อเป็นเหตุมิให้ถูกบังคับคดีหาได้ไม่ กรณีนี้ยังถือไม่ได้ว่าไม่มีหนี้ตามคำพิพากษาที่จะต้องบังคับคดีต่อไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 (1) ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย โจทก์ชอบที่จะบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ