คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 535/2548

แหล่งที่มา :

ย่อสั้น

เดิมผู้คัดค้านเป็นสมาชิกพรรค ช. เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2547 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรค ช. เนื่องจากพรรค ช. รวมเข้ากับพรรค ท. ดังนั้น ความเป็นสมาชิกพรรค ช. ของผู้คัดค้านจึงสิ้นสุดลงตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 มาตรา 22 (5) และผู้คัดค้านเป็นสมาชิกพรรค ท. ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เป็นหลักตั้งแต่วันดังกล่าวตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 มาตรา 73 วรรคสอง ประกอบมาตรา 72 วรรคหนึ่ง
การที่ผู้คัดค้านส่งหนังสือลาออกไปยังที่ทำการของพรรค ช. ในวันที่ 30 กันยายน 2547 ไม่ได้ส่งไปยังที่ทำการของพรรค ท. จะถือว่าหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ท. ของผู้คัดค้านถึงที่ทำการของพรรค ท. แล้วไม่ได้ จึงไม่มีผลทำให้การเป็นสมาชิกพรรค ท. ของผู้คัดค้านสิ้นสุดลง ซึ่งพรรค ท. ได้รับหนังสือลาออกของผู้คัดค้านในวันที่ 21 มกราคม 2548 ดังนั้น ผู้คัดค้านจึงพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค ท. ในวันดังกล่าว ผู้คัดค้านสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 4 จังหวัดอุดรธานี สังกัดพรรค ป. เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2548 ผู้คัดค้านจึงเป็นสมาชิกพรรค ป. เพียงพรรคเดียวเป็นเวลาติดต่อกันถึงวันสมัครรับเลือกตั้งไม่ถึง 90 วัน ผู้คัดค้านเป็นผู้ขาดคุณสมบัติมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 107 (4)

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ 4 จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2548 ผู้ร้องได้ประกาศชื่อ นายสุรเชษฐ์ผู้คัดค้านเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 4 จังหวัดอุดรธานี สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ต่อมาปรากฏหลักฐานว่าผู้คัดค้านลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2548 ผู้คัดค้านจึงมิได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคเดียวนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 มาตรา 107 (4) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2541 มาตรา 29 ขอให้ศาลฎีกาเพิกถอนการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 4 จังหวัดอุดรธานีของผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ในวันนัดพิจารณา คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริง ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้งดการไต่สวน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า …ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 107 (4) ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคเดียว นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน เดิมผู้คัดค้านเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนาเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2547 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคชาติพัฒนาเนื่องจากพรรคชาติพัฒนารวมเข้ากับพรรคไทยรักไทย ดังนั้น ความเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนาของผู้คัดค้านจึงสิ้นสุดลงตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 มาตรา 22 (5) และผู้คัดค้านเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เป็นหลักตั้งแต่วันดังกล่าวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 มาตรา 73 วรรคสอง ประกอบมาตรา 72 วรรคหนึ่ง การที่ผู้คัดค้านส่งหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนาและหนังสือลาออกดังกล่าวไปถึงพรรคชาติพัฒนาในวันที่ 30 กันยายน 2547 จึงไม่ก่อให้เกิดผลใดๆ เพราะขณะนั้นความเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนาของผู้คัดค้านสิ้นสุดลงแล้ว จึงต้องวินิจฉัยต่อไปว่า ผู้คัดค้านได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยเมื่อใด ที่ผู้คัดค้านอ้างว่าได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยแล้วโดยได้ส่งหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยฉบับลงวันที่ 28 กันยายน 2547 ถึงหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แม้ส่งไปที่ทำการของพรรคชาติพัฒนาแต่เมื่อพรรคชาติพัฒนารวมเข้ากับพรรคไทยรักไทยซึ่งทำให้บรรดาทรัพย์สินของพรรคชาติพัฒนาโอนไปเป็นของพรรคไทยรักไทยตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง จึงถือว่าผู้คัดค้านลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยโดยชอบแล้วนั้น เห็นว่า แม้บรรดาทรัพย์สินของพรรคชาติพัฒนาจะโอนไปเป็นของพรรคไทยรักไทยตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง จึงถือว่าผู้คัดค้านลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยโดยชอบแล้วนั้น เห็นว่า แม้บรรดาทรัพย์สินของพรรคชาติพัฒนาจะโอนไปเป็นของพรรคไทยรักไทยก็ตามแต่ไม่ได้หมายความว่าที่ทำการของพรรคชาติพัฒนาจะเป็นที่ทำการของพรรคไทยรักไทยไปด้วย เมื่อผู้คัดค้านก็ทราบอยู่ว่าที่ทำการของพรรคไทยรักไทยอยู่คนละแห่งกับที่ทำการของพรรคชาติพัฒนา การที่ผู้คัดค้านส่งหนังสือลาออกดังกล่าวไปยังที่ทำการของพรรคชาติพัฒนา ไม่ได้ส่งไปยังที่ทำการของพรรคไทยรักไทยและหนังสือลาออกดังกล่าวไปถึงที่ทำการพรรคชาติพัฒนาในวันที่ 30 กันยายน 2547 จะถือว่าหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยของผู้คัดค้านถึงที่ทำการของพรรคไทยรักไทยแล้วไม่ได้ จึงไม่มีผลทำให้การเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยของผู้คัดค้านสิ้นสุดลงในวันดังกล่าว แม้ผู้คัดค้านจะอ้างว่าเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคชาติพัฒนาเนื่องจากพรรคชาติพัฒนารวมเข้ากับพรรคไทยรักไทยแล้วเจ้าหน้าที่ของพรรคชาติพัฒนาเดิมได้ส่งหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยดังกล่าวให้แก่พรรคไทยรักไทย แต่ผู้คัดค้านก็ยอมรับว่าไม่ทราบว่าพรรคไทยรักไทยได้รับหนังสือลาออกดังกล่าวเมื่อใด แต่ในข้อนี้กลับได้ความจากหนังสือของนายภูมิธรรมรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย เอกสารท้ายคำร้องของผู้ร้องว่าพรรคไทยรักไทยได้รับหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยของผู้คัดค้าน เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2548 จึงเชื่อว่าพรรคไทยรักไทยได้รับหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยของผู้คัดค้านในวันที่ 21 มกราคม 2548 ผู้คัดค้านจึงพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยในวันดังกล่าว ผู้คัดค้านสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 4 จังหวัดอุดรธานี สังกัดพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2548 ผู้คัดค้านจึงเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เพียงพรรคเดียวเป็นเวลาติดต่อกันถึงวันสมัครรับเลือกตั้งไม่ถึง 90 วัน ผู้คัดค้านเป็นผู้ขาดคุณสมบัติมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 107 (4) คำร้องของผู้ร้องฟังขึ้น
จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งของผู้คัดค้านในเขตเลือกตั้งที่ 4 จังหวัดอุดรธานี

Share