แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 13)พ.ศ.2499 มาตรา 4(คือมาตรา 27 ทวิ).ฐานพาเอาของที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียภาษี ด้วยการพาจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งนั้น. เป็นความผิดขึ้นใหม่อีกชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละอย่างกันความผิดฐานนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียภาษีตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2467 มาตรา 27. ซึ่งมีบัญญัติให้ลงโทษไว้แต่เดิม และมีมาตรา 32 เป็นบทบัญญัติให้ริบของกลางในความผิดฐานนั้น. ฉะนั้น มาตรา 32 ซึ่งเป็นบทบัญญัติให้ริบของกลางที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร.โดยไม่เสียภาษี.จึงมิใช่เป็นบทริบทรัพย์ในความผิดตามมาตรา27 ทวิ. เพราะเป็นความผิดคนละอย่าง การริบทรัพย์ตามมาตรา 27 ทวิ. มิได้มีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติศุลกากร.จึงอยู่ในบังคับแห่งหลักว่าด้วยการริบทรัพย์ทั่วไปตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 เมื่อการริบทรัพย์ในกรณีแห่งความผิดของจำเลยเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 แล้ว. การขอคืนทรัพย์ของกลางในคดีนี้ผู้ร้องก็ย่อมร้องขอคืนได้ภายใน 1 ปีนับแต่วันคดีถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 36 ด้วย.
คดีเดิมศาลพิพากษาให้ริบของกลางตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ.2469 มาตรา 32 และคดีถึงที่สุดไปแล้ว. คำพิพากษาในคดีซึ่งมีอยู่แล้วแต่เดิมนั้นไม่ผูกพันผู้ร้อง. ซึ่งร้องขอคืนของกลางเพราะเป็นคนภายนอก ศาลย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยเป็นอย่างอื่นได้. (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15-16 และ 17/2512).
ย่อยาว
เดิมศาลจังหวัดหนองคายพิพากษาให้ลงโทษจำเลยและริบของกลางทั้งรถยนต์ซึ่งใช้เป็นพาหนะด้วย ตามพระราชบัญญัติศุลกากร ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีถึงที่สุด หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแต่ก่อนส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ ผู้ร้องร้องว่ารถยนต์ของกลางที่ศาลสั่งริบเป็นของผู้ร้องให้จำเลยเช่าซื้อไปผู้ร้องมิได้รู้เห็นยินยอมให้จำเลยเอาไปใช้ในการกระทำผิด การกระทำของจำเลยเป็นการผิดเงื่อนไขสัญญาเช่าซื้อ ผู้ร้องมีสิทธิยึดรถยนต์คืนได้ ขอให้ศาลสั่งคืนให้ผู้ร้อง โจทก์คัดค้านว่า ผู้ร้องขอคืนเมื่อพ้น 60 วันนับแต่วันเจ้าพนักงานยึดรถยนต์ของกลางไว้ รถยนต์ของกลางจึงตกเป็นของแผ่นดินตามพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 และพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ศาลชั้นต้นฟังว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นด้วยในการที่จำเลยนำรถยนต์ของกลางไปใช้ในการกระทำผิดแต่มิได้ขอคืนภายใน 60 วันนับแต่วันที่รถยนต์ถูกยึด รถยนต์ของกลางจึงตกเป็นของแผ่นดินตามพระราชบัญญัติศุลกากร ให้ยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยกระทำผิดฐานเป็นผู้ช่วยพาเอาของที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่เสียภาษีซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2494มาตรา 4 คือมาตรา 27 ทวิ ของกลางในกรณีที่เป็นความผิดตามมาตรา27 ทวิ นี้จะนำบทบัญญัติในพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2496 มาใช้บังคับสำหรับการริบหรือไม่ริบไม่ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 70/2510ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ต โจทก์ นายหยุน แซ่อ๋อ จำเลย) และจะนำมาตรา 24 มาใช้บังคับไม่ได้อีกด้วย การริบทรัพย์คือรถยนต์ของกลางในคดีนี้ย่อมเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ซึ่งในคดีนี้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ร้องมิได้รู้เห็นด้วยในการกระทำผิดของจำเลย รถยนต์ของกลางของผู้ร้องจึงไม่ใช่ทรัพย์อันจะพึงริบพิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้น ให้คืนรถยนต์ของกลางให้ผู้ร้องไป โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ศาลลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติศุลกากร(ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2499 มาตรา 4 (คือมาตรา 27 ทวิ) ฐานพาเอาของที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียภาษีด้วยการพาจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งนั้น ซึ่งเป็นคนละอย่างกับความผิดฐานนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียภาษีตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 มาตรา 27 ซึ่งมีบทบัญญัติให้ลงโทษไว้แต่เดิม และมีมาตรา32 เป็นบทบัญญัติให้ริบของกลางในความผิดฐานนั้น ฉะนั้นมาตรา 32ซึ่งเป็นบทบัญญัติให้ริบของกลางที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียภาษี จึงมิใช่เป็นบทริบทรัพย์ในความผิดตามมาตรา 27 ทวิ เพราะเป็นความผิดคนละอย่าง การริบทรัพย์ตามมาตรา 27 ทวิมิได้มีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติศุลกากร จึงอยู่ในบังคับแห่งหลักว่าด้วยการริบทรัพย์ทั่วไปตามที่บทบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 เมื่อการริบทรัพย์ในกรณีแห่งความผิดของจำเลยเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33แล้ว การขอคืนทรัพย์ของกลางในคดีนี้ผู้ร้องก็ย่อมร้องขอคืนได้ภายใน1 ปี นับแต่วันคดีถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ด้วย และพิจารณาโดยที่ประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า ในคดีเดิมศาลพิพากษาให้ริบของกลางตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 32 และคดีถึงที่สุดไปแล้ว คำพิพากษาในคดีซึ่งมีอยู่แล้วแต่เดิมนั้นไม่ผูกพันผู้ร้องซึ่งร้องขอคืนของกลางเพราะเป็นคนภายนอก ศาลย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยเป็นอย่างอื่นได้ ในคดีนี้ต้องบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33ผู้ร้องมีสิทธิร้องขอคืนภายใน 1 ปี นับแต่คดีถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 และให้คืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์.