คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 719/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกมีฐานะเพียงแต่เป็นผู้ถูกใช้ให้ขนทรัพย์ไปตามคำสั่งของเจ้าของทรัพย์เท่านั้น. ฉะนั้นความยึดถือครอบครองในทรัพย์นั้นยังคงอยู่กับเจ้าของทรัพย์เมื่อจำเลยเอาทรัพย์ไป. จึงเป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต. เป็นความผิดฐานลักทรัพย์. ไม่ใช่ความผิดฐานยักยอก.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง 5 สมคบร่วมกันลักทรัพย์ หรือรับของโจรขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1) (7), 357, 83 จำเลยทั้ง 5 ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้ง 5 มีความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้อง จำคุกไว้คนละ 5 ปี จำเลยที่ 1 รับสารภาพในชั้นสอบสวน ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 3 ปี 4 เดือน จำเลยทั้ง 5 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้ง 5 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลยที่ 1 เฉพาะข้อ 2(3) และฎีกาจำเลยที่ 2 เฉพาะข้อ (2) และ (3) ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนจำเลยที่ 3,4, 5 ยื่นฎีกาโดยมิได้ลงลายมือชื่อในฎีกา แม้แต่ทนายผู้รับมอบอำนาจให้อุทธรณ์ฎีกาแทนจำเลย ก็มิได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ฎีกาแทนจำเลยจึงเป็นฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา ศาลฎีกาพิจารณาฎีกาข้อกฎหมายของจำเลยที่ 1 และ 2 แล้วสรุปฎีกาว่า 1. เมื่อจำเลยที่ 1 รับเอาทรัพย์ของกลางจากหน่วยจัสแม็กสัตหีบแล้วทรัพย์ของกลางย่อมอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 โดยชอบด้วยกฎหมาย หากมีเจตนาทุจริตเอาไปในภายหลัง ก็ควรมีความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 2. การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์นำเอาคำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ซึ่งซัดทอดจำเลยอื่นมาลงโทษจำเลยที่ 2 เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อที่ 1 ว่า หน่วยส่งบำรุงกำลังที่ 9เป็นหน่วยย่อยของหน่วยที่ปรึกษาทางการทหารของสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย (หน่วยจัสแม็ค) มีหน้าที่ควบคุมรับผิดชอบขนส่งสินค้าขึ้นจากเรือ แล้วจัดส่งมอบให้กับหน่วยทหารต่าง ๆ ที่อยู่ในประเทศไทยโดยจัดส่งทางรถยนต์ขององค์การ ร.ส.พ. จำเลยที่ 1 เป็นคนขับรถขององค์การ ร.ส.พ. ได้ขับรถบรรทุกทรัพย์ของกลางจากหน่วยจัสแม็คสัตหีบเพื่อไปส่งให้หน่วยเนวีเอกซเชนจ์ที่ท่าเรือคลองเตยกรุงเทพฯ ดังนี้จะถือว่าหน่วยจัสแม็คผู้เป็นเจ้าของได้มอบหมายการครอบครองในทรัพย์ของกลางให้กับจำเลยที่ 1 ไม่ได้ เพราะจำเลยที่ 1 มีฐานะเพียงแต่เป็นผู้ถูกใช้ให้ขนไปตามคำสั่งของเจ้าของความยึดถือครอบครองในทรัพย์ของกลางยังคงอยู่กับหน่วยจัสแม็คผู้เป็นเจ้าของตามเดิม เมื่อจำเลยที่ 1, 2, 3, 4, 5 เอาทรัพย์รายนี้ไป จึงเป็นการร่วมกันเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ความผิดฐานยักยอก ส่วนปัญหาตามฎีกาข้อ 2 นั้น ข้ออ้างของจำเลยที่ 2 ที่ว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์อาศัยคำรับชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ซึ่งซัดทอดจำเลยอื่นอย่างเดียวมาลงโทษจำเลยที่ 2 ไม่เป็นความจริง เพราะโจทก์มีพยานหลักฐานอื่นด้วย ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาฎีกาข้อนี้ พิพากษายืน.

Share