คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 718/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยสมคบร่วมกับพวกไปดักฉุดคร่าผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา มิได้มุ่งประสงค์ต่อทรัพย์แต่พรรคพวกของจำเลยได้ล้วงกระเป๋าเอาทรัพย์ของผู้เสียหายอีกคนหนึ่งไปด้วย อันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฉับพลันทันที จะฟังว่าจำเลยสมคบรู้เห็นกับพวกในการลักทรัพย์ผู้เสียหายนั้นด้วยไม่ได้จำเลยคงมีผิดฐานฉุดคร่าและข่มขืนกระทำชำเราเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยรวม 2 สำนวน ซึ่งศาลชั้นต้นรวมพิจารณาพิพากษาสำนวนแรกในข้อหาร่วมกับพวกปล้นทรัพย์นายโสภี แก้วดี และมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต สำนวนหลังในข้อหาร่วมกับพวกฉุดคร่าไปเพื่อการอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรานางสาวกรองมี แก้วดีขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 276, 284, 83พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 และสั่งริบของกลางคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 712 บาท และนับโทษสำนวนแรกต่อจากสำนวนหลัง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยกระทำผิดฐานร่วมกับพวกปล้นทรัพย์ฉุดคร่าและข่มขืนกระทำชำเราตามฟ้อง ไม่ผิดในข้อหามีอาวุธปืนพิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 2, 276, 284 และ 83 ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 340 วรรค 2 ซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุดตามมาตรา 91 จำคุกจำเลย 10 ปี ให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 712 บาท ข้อหามีอาวุธปืนให้ยก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยมีเจตนาเพียงสมคบกับพวกฉุดคร่าและข่มขืนกระทำชำเรานางสาวกรองมี มิได้สมคบร่วมกับพวกปล้นทรัพย์ด้วยพิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 และ 284, 83 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยตามมาตรา 276 ซึ่งเป็นกระทงที่หนักตามมาตรา 91 มีกำหนด 2 ปี ให้ยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานปล้นทรัพย์นั้นเสีย เงินของกลาง700 บาท ที่หักเอาไว้จากเงินที่ได้จากตัวจำเลยไม่ได้ความว่าเป็นเงินที่ปล้นได้มาจึงให้คืนจำเลย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ด้วย

ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยได้สมคบกับพวกแต่เพียงไปดักฉุดคร่านางสาวกรองมีและข่มขืนกระทำชำเราเท่านั้น มิได้มีเจตนามุ่งประสงค์ต่อทรัพย์ การที่พรรคพวกจำเลยล้วงกระเป๋าเอาทรัพย์ของนายโสภีผู้เสียหายไป จะฟังว่าจำเลยได้สมคบรู้เห็นกับพวกปล้นทรัพย์ด้วยไม่ได้

พิพากษายืน

Share