แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ร่วมได้มอบทรัพย์แก่จำเลยเพื่อให้จำเลยนำไปขาย โดยจำเลยจะกำหนดราคาขายมากหรือน้อยหรือจะจัดการแก่ทรัพย์ นั้นอย่างไรก็ได้ จำเลยเพียงแต่มีหน้าที่ต้องนำเงินตามราคา ที่โจทก์ร่วมกำหนดไว้หรือนำทรัพย์สินมาคืนแก่โจทก์ร่วมเท่านั้น การที่จำเลยไม่ยอมนำทรัพย์ตามฟ้องมาคืนหรือมอบเงินแก่ โจทก์ร่วมถือได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาทางแพ่งต่อโจทก์ร่วม เท่านั้น ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ จำนวน 1,077,700 บาท
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายสุขสันต์ นุตะปราณี ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 จำคุก 2 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 1,077,700บาท แก่โจทก์ร่วม
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมมีว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ พยานหลักฐานที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบปรากฏตามคำเบิกความของโจทก์ร่วมว่า ก่อนเกิดเหตุโจทก์ร่วมเคยมอบสิ่งของประเภทเครื่องประดับแหวนเพชร สร้อยคอทองคำให้จำเลยไปขายประมาณ 3-4 ครั้ง ครั้งที่เกิดเหตุคดีนี้จำเลยได้มาหาโจทก์ร่วมเพื่อขอสินค้าไปให้ลูกค้าดูเป็นตัวอย่าง โจทก์ร่วมหยิบมาให้ดูแล้วจำเลยได้เอาสินค้าตามฟ้องไป 3 ชิ้น โจทก์ร่วมได้ตกลงให้จำเลยยืมไปสินค้า 3 ชิ้นที่จำเลยนำไปนั้นหากจะขายไม่ต้องขออนุญาตโจทก์ร่วมราคาสินค้า 3 ชิ้นที่โจทก์ร่วมบอกราคาแก่จำเลยนั้นจำเลยสามารถขายให้สูงหรือต่ำกว่าราคาดังกล่าวได้ สินค้าที่จำเลยเคยยืมจากโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมเคยทำหลักฐานไว้เช่นเดียวกับคดีนี้ หลังจากพ้นกำหนด 1 สัปดาห์แล้วจำเลยไม่นำสินค้ามาคืน โจทก์ร่วมจึงนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมจำเลยในข้อหายักยอก ตามคำเบิกความของโจทก์ร่วมดังกล่าวเมื่อพิจารณาประกอบกับเอกสารหมาย จ.1 ซึ่งระบุว่าจำเลยได้ยืมทรัพย์ตามฟ้องไปจากโจทก์ร่วมแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าโจทก์ร่วมได้มอบทรัพย์ตามฟ้องแก่จำเลยเพื่อให้จำเลยนำไปขายโดยจำเลยจะกำหนดราคาขายมากหรือน้อยหรือจะจัดการแก่ทรัพย์นั้นอย่างไรก็ได้ จำเลยเพียงแต่มีหน้าที่ต้องนำเงินตามราคาที่โจทก์ร่วมกำหนดไว้หรือนำทรัพย์สินตามฟ้องมาคืนแก่โจทก์ร่วมเท่านั้น การที่จำเลยไม่ยอมนำทรัพย์ตามฟ้องมาคืนหรือมอบเงินแก่โจทก์ร่วมถือได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาทางแพ่งต่อโจทก์ร่วมเท่านั้น การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานยักยอกตามฟ้องโจทก์ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยพยานจำเลย ที่โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกาว่าจำเลยและโจทก์ร่วมมิได้กำหนดราคาทรัพย์ตามฟ้องกันไว้ก่อนว่าราคาเท่าใดนั้นปรากฏตามเอกสารหมาย จ.1 ว่าได้มีการกำหนดราคากันไว้ชัดเจนแล้ว ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยเป็นตัวแทนในการครอบครองทรัพย์ของโจทก์ร่วมแล้วเบียดบังเอาทรัพย์ของโจทก์ร่วมเป็นของตนโดยทุจริตนั้นได้วินิจฉัยไว้แล้วว่าข้อเท็จจริงในคดีนี้เป็นเรื่องผิดสัญญาในทางแพ่ง ส่วนที่โจทก์ร่วมฎีกาว่าตามเอกสารหมาย จ.1 ระบุชัดว่าเป็นเรื่องยืมใช้คงรูปจำเลยจึงมีหน้าที่ต้องนำทรัพย์ที่ยืมมาคืน ก็ปรากฏจากคำเบิกความของโจทก์ร่วมซึ่งเบิกความไว้เองว่าสินค้า 3 ชิ้น ที่จำเลยนำไปนั้นหากจะขายไม่ต้องขออนุญาตโจทก์ร่วมและจะขายสูงหรือต่ำกว่าราคาในเอกสารหมาย จ.1 ก็ได้ จึงเห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ร่วมมอบทรัพย์ตามฟ้องให้จำเลยนำไปขาย มิใช่เป็นเรื่องยืมใช้คงรูปดังที่โจทก์ร่วมฎีกา ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้วฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน