คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของจ. เมื่อจ.ถึงแก่กรรมไปโดยมิได้ทำพินัยกรรมยกให้ผู้ใดที่ดินพิพาทจึงย่อมตกทอดแก่ทายาทโดยสิทธิตามกฎหมายรวมทั้งจำเลยที่2ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมคนหนึ่งของจ. จำเลยที่2จึงมีส่วนเป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาทแปลงนี้ด้วยเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดที่ดินพิพาทเพื่อบังคับคดีตามที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอ้างว่าเป็นของจำเลยที่2ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้อันเป็นการยึดทรัพย์สินโดยชอบแล้วแม้ที่ดินพิพาทยังมิได้แบ่งปันกันระหว่างจำเลยที่2กับทายาทอื่นก็ไม่ทำให้การยึดทรัพย์ต้องเสียไปเพราะเป็นเรื่องที่ทายาทอื่นๆจะต้องขอส่วนแบ่งหรือร้องขอให้กันเงินส่วนของตนออกเมื่อขายทรัพย์แล้วต่อไปโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่2ย่อมมีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ได้จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่อนุญาตขายทอดตลาด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากจำเลยที่ 2 ไม่ชำระหนี้ และโจทก์ขอบังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 32123 เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา เจ้าพนักงานบังคับคดีขออนุญาตต่อศาลชั้นต้นเพื่อขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ทรัพย์ที่ยึดปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ยึดถือไว้ในฐานะผู้จัดการมรดกจึงไม่อนุญาตให้ขายทอดตลาด
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการบังคับคดีต่อไป
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์และจำเลยที่ 2รับกันฟังได้ว่า ที่ดินที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้นั้นเป็นมรดกของนางสาวจุฑาวรรณ จันทร์มะ ที่จะตกทอดแก่จำเลยทั้งสองและทายาทอื่นอีกคนหนึ่งในฐานะทายาทโดยธรรม นางสาวจุฑาวรรณมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่ผู้ใด จำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกของนางสาวจุฑาวรรณตามคำสั่งศาลแพ่งธนบุรีในคดีหมายเลขแดงที่ 2249/2533 ทรัพย์มรดกอยู่ระหว่างจัดการยังมิได้แบ่งปันให้แก่ทายาท
ปัญหาว่า โจทก์มีสิทธิยึดที่ดินดังกล่าวเพื่อบังคับชำระหนี้คดีนี้ได้หรือไม่ เห็นว่า ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนางสาวจุฑาวรรณ เมื่อนางสาวจุฑาวรรณถึงแก่กรรมไปโดยมิได้ทำพินัยกรรมยกให้ผู้ใด ดังนั้น ที่ดินพิพาทจึงย่อมตกทอดแก่ทายาทโดยสิทธิตามกฎหมาย รวมทั้งจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมคนหนึ่งของนางสาวจุฑาวรรณ การที่จำเลยที่ 2 มีสิทธิได้รับมรดกที่ดินพิพาทจึงเท่ากับว่าจำเลยที่ 2 มีส่วนเป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาทแปลงนี้ด้วย เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดที่ดินพิพาทเพื่อบังคับคดี ตามที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอ้างว่าเป็นของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แล้ว อันเป็นการยึดทรัพย์สินโดยชอบ แม้ที่ดินพิพาทยังมิได้แบ่งปันกันระหว่างจำเลยที่ 2 กับทายาทอื่น ก็ไม่ทำให้การยึดทรัพย์ต้องเสียไป เป็นเรื่องที่ทายาทอื่น ๆ จะต้องขอส่วนแบ่งหรือร้องขอให้กันเงินส่วนของตนออกเมื่อขายทรัพย์แล้วต่อไป ดังนี้ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ 2 ย่อมมีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ได้ ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่อนุญาตขายทอดตลาด
พิพากษายืน

Share