คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

หลังจากศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดให้แก่โจทก์แล้ว จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านว่าโจทก์เสนอราคาต่ำไปขอให้เลื่อนการขาย ศาลชั้นต้นสั่งรวมสำนวน จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์เสนอราคาต่ำไปและไม่มีบุคคลภายนอกเข้าสู้ราคา ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน การที่จำเลยฎีกาว่าศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโดยไม่ไต่สวนก่อนไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสองนั้น เป็นปัญหาที่จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลอุทธรณ์ และไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากจำเลยไม่ยอมชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่โจทก์โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินจำเลย ประกาศขายทอดตลาดมาแล้วหลายครั้ง จนครั้งที่ 14 มีผู้เสนอสู้ราคา 3 ราย โจทก์เสนอราคาสูงสุด ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายแก่โจทก์ จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านศาลชั้นต้นสั่งรวมสำนวน จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเลื่อนการขายทอดตลาดไปก่อน อ้างเพียงว่า โจทก์เสนอราคาต่ำไปเมื่อศาลชั้นต้นสั่งคำร้องดังกล่าวว่า จำเลยยื่นคำร้องมาหลังการขายทอดตลาดเสร็จสิ้นลงแล้ว ให้รวมสำนวนไว้ จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าว โดยอ้างเพียงว่าโจทก์เสนอราคาต่ำไปและร่วมกับพนักงานของโจทก์เข้าประมูลสู้ราคาโดยไม่มีบุคคลภายนอกเข้าสู้ราคาไม่เป็นธรรมแก่จำเลยขอให้ประกาศขายทอดตลาดใหม่เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น โดยวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด จำเลยกลับฎีกาอ้างว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขายได้ จำเลยจึงยื่นคำร้องคัดค้านว่าโจทก์เสนอราคาต่ำไป ขอให้เลื่อนการขายทอดตลาดไปก่อน ศาลชั้นต้นกลับสั่งยกคำร้องโดยไม่ไต่สวนคำร้องของจำเลยก่อนเป็นการไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องและเพิกถอนการขายทอดตลาด ดังนี้ เห็นว่าปัญหาที่จำเลยฎีกามาดังกล่าวเป็นปัญหาที่จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลอุทธรณ์ และปัญหาดังกล่าวนี้ไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาจำเลย

Share