คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้แสดงกรรมสิทธิ จำเลยโต้แย้งว่าจำเลยได้กรรมสิทธิโดยทางครอบครอง
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชี้ขาด ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.24 ว่าคำให้การจำเลย จำเลยไม่ได้ต่อสู้ว่าจำเลยมีเจตนาเป็นเจ้าของฉนั้นจำเลยจึงไม่มีประเด็นนำสืบในข้อจำเลยมีเจตนาเป็นเจ้าของ จำเลยไม่มีทางชนะคดี
ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำสืบก่อนโจทก์คัดค้าน ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำให้การของจำเลยมีข้อต่อสู้ในข้อจำเลยครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของส่วนหน้าที่นำสืบนั้นศาลสั่งชอบแล้ว
คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งตาม ม.24 ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ ฎีกา.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ ๔๒๙ จำเลยโต้แย้งกรรมสิทธิ โจทก์จึงฟ้องขอให้แสดงกรรมสิทธิ
จำเลยให้การมีข้อความหลายประการเฉพาะประเด็นปัญหาโต้เถียงกันมาถึงชั้นฎีกานั้นมีว่าที่ดินแปลงนี้เป็นกรรมสิทธิของนางแล่มารดาจำเลยและเป็นกรรมสิทธิของจำเลยโดยทางครอบครองอันชอบด้วย ก.ม.
โจทก์ยื่นคำร้องตาม ป.วิ.แพ่ง ม.๒๔ ความว่าตามคำให้การจำเลย ๆ ไม่ได้ต่อสู้ว่าจำเลยมีเจตนาเป็นเจ้าของ ฉนันประเด็นจึงไม่มีในการที่จำเลยจะนำสืบว่าจำเลยมีเจตนาเป็นเจ้าของ จำเลยไม่มีทางจะชนะคดี
ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำสืบก่อน โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านไว้ กล่าวว่าตามคำให้การของจำเลย ๆ รับว่ารายนี้อยู่ในโฉนดของโจทก์ จำเลยเถียงเพียงว่าจำเลยครอบครองโดยสงบและเปิดเผย ขาดข้อความที่ว่าจำเลยเจตนาเป็นเจ้าของ โจทก์จึงว่าที่ศาลชั้นต้นสั่งให้คู่ความนำสืบพยานโดยไม่พิพากษาคดีเลยไปทีเดียวและที่ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำสืบก่อนทั้งสองประกานนี้ไม่ต้องด้วยความเห็นของโจทก์ ๆ จึงคัดค้าน
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคำให้การของจำเลยมีข้อต่อสู้ในข้อจำเลยครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของ ส่วนหน้าที่นำสืบศาลสั่งชอบแล้ว คำคัดค้านโจทก์ไม่มีเหตุผลศาลชั้นต้นจึงนัดสืบพยานจำเลย แต่ยังไม่ทันสืบ
โจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคำให้การของจำเลยไม่มีประเด็นที่จะว่าจำเลยครอบครองโดยมีเจตนาเป็นเจ้าของ ขอให้ชี้ขาดให้จำเลยแพ้คดี โดยไม่มีการสืบพยาน
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำให้การของจำเลยมีประเด็นข้อครอบครองโดยมีเจตนาเป็นเจ้าของแล้วก็ให้โจทก์สืบก่อน มิได้สั่งงดสืบพยาน เช่นนี้แสดงว่าศาลชั้นต้นต้องการฟังพยานหลักฐานตามข้อต่อสู้ของจำเลยเสียก่อน จึงยังถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นตาม ม.๒๔ คำสั่งนั้นเป็นเพียงคำสั่งระหว่งพิจารณา ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ ให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อวินิจฉัยชั้นนี้มีว่า ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งตาม ม.๒๔ หรือยังเห็นว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งตาม ม.๒๔ เสร็จแล้ว แต่มิได้สั่งให้เป็นไปตามที่โจทก์ร้องขอ จึงไม่มีการพิพากษาคดีให้เสร็จเด็ดขาดดังความประสงค์ของโจทก์ คำร้องโจทก์ถูกยกไปและมีการนัดสืบพยาน พฤติการณ์เช่นนี้มิได้แสดงเลยว่า ศาลชั้นต้นไม่ได้ชี้ขาดตาม ม.๒๔ เห็นว่าศาลชั้นต้นชี้ขาดแล้ว แต่ขัดต่อความมุ่งหมายของโจทก์ ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ รวมความว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นในเรื่องนี้เป็นคำสั่งตาม ม.๒๔ ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา
พิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์.

Share