คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7168/2542

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

แม้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 จะเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน บริษัทจำเลยที่ 1 ก็มิได้หมายความว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 จะทำนิติกรรมใด ๆ เป็นส่วนตัวร่วมกับจำเลยที่ 1 ไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกันจ้างโจทก์ ผลิตเครื่องปรับอากาศ ชิ้นส่วนอะไหล่ของเครื่องปรับอากาศ แล้วผิดสัญญาไม่ชำระค่าจ้าง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระค่าจ้างแก่โจทก์ แม้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 จะให้การว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 เป็นเพียงกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว แต่ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ทนายจำเลยทั้งสี่แถลงรับข้อเท็จจริงว่าเป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องจริงคำแถลงของทนายจำเลยทั้งสี่ดังกล่าวเป็นการสละข้อต่อสู้ในคำให้การข้อเท็จจริงจึงฟังเป็นยุติว่าจำเลยทั้งสี่ร่วมกันจ้างโจทก์ผลิตเครื่องปรับอากาศชิ้นส่วนอะไหล่ของเครื่องปรับอากาศ และยังค้างชำระค่าจ้างจำนวนตามฟ้อง จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2538 ถึงกลางเดือนกรกฎาคม 2538 จำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกันจ้างโจทก์ผลิตเครื่องปรับอากาศ ชิ้นส่วนอะไหล่ของเครื่องปรับอากาศยี่ห้อ ดันแฮมบุช รวม 20 ครั้ง ในราคา3,096,450.53 บาท จำเลยทั้งสี่ได้รับสินค้าไปจากโจทก์ครบถ้วนแล้ว แต่ไม่ชำระค่าจ้างภายในกำหนด คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันผิดนัดจนถึงวันฟ้องเป็นเงินจำนวน 318,876 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 3,415,326.53 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน 3,415,326.53 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 3,096,450.53 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสี่ให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 เป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 เท่านั้น จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว จำเลยทั้งสี่สั่งซื้อสินค้าประเภทเครื่องปรับอากาศจากโจทก์ ไม่ใช่ว่าจ้างโจทก์ให้ผลิตเครื่องปรับอากาศ โจทก์ขายเครื่องปรับอากาศโดยหลีกเลี่ยงไม่ชำระภาษีเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสี่ต้องชำระค่าปรับและภาษีจำนวน 505,567.03 บาท ทำให้จำเลยที่ 1 เสียชื่อเสียงคำนวณค่าเสียหายเป็นเงิน 300,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 805,567.03 บาท ขอให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ชำระเงินจำนวน 805,567.03 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลยทั้งสี่

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสี่

ก่อนสืบพยาน จำเลยทั้งสี่แถลงรับข้อเท็จจริงว่าเป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องจริงและแถลงไม่ติดใจสืบพยาน โจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยาน

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินจำนวน 3,415,326.53 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 3,096,450.53 บาท นับแต่วันที่ 11 กันยายน 2539 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ให้จำเลยที่ 1 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์หรือไม่ เห็นว่า แม้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 จะเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 ก็มิได้หมายความว่าจำเลยที่ 2ถึงที่ 4 จะทำนิติกรรมใด ๆ เป็นส่วนตัวร่วมกับจำเลยที่ 1 ไม่ได้ โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกันจ้างโจทก์ผลิตเครื่องปรับอากาศ ชิ้นส่วนอะไหล่ ของเครื่องปรับอากาศ แล้วผิดสัญญาไม่ชำระค่าจ้าง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระค่าจ้างแก่โจทก์ แม้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 จะให้การว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 เป็นเพียงกรรมการของจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว แต่ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ 1 สิงหาคม 2540 ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ว่า “นัดสืบพยานโจทก์พร้อมพยานจำเลยวันนี้ ทนายจำเลยทั้งสี่แถลงรับข้อเท็จจริงว่าเป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องจริง ไม่ติดใจสืบพยานอีกต่อไป” คำแถลงของทนายจำเลยทั้งสี่ดังกล่าวเป็นการสละข้อต่อสู้ในคำให้การ โดยรับข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสี่เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องข้อเท็จจริงจึงฟังเป็นยุติว่าจำเลยทั้งสี่ร่วมกันจ้างโจทก์ผลิตเครื่องปรับอากาศ ชิ้นส่วนอะไหล่ของเครื่องปรับอากาศ และยังค้างชำระค่าจ้างจำนวนตามฟ้องจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share