คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7160/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยได้ก่อสร้างอาคาร คอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น รวม 4 คูหา ในที่ดินของจำเลย โดยได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น แต่ต่อมาเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีคำสั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้างเพราะอาคารที่จำเลยก่อสร้างอยู่ในบริเวณที่จะขยายถนนอันเป็นเขตที่ให้ใช้ผังเมืองรวมบังคับตามกฎกระทรวงฉบับที่ 41(พ.ศ. 2531) ออกตามความใน พระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2518 ซึ่งประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2531 และมีระยะเวลาใช้บังคับ 5 ปี แม้ในระหว่างพิจารณา ของศาลชั้นต้น กฎกระทรวง ฉบับที่ 41 (พ.ศ. 2531) ซึ่งมีระยะเวลาใช้บังคับ 5 ปี จะสิ้นผลใช้บังคับไป แต่ใน ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ มีกฎกระทรวง ฉบับที่ 323(พ.ศ. 2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2518 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2540 ใช้บังคับอีก มีกำหนด 5 ปีโดยกำหนดไว้ในข้อ 2 ว่า ให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบล อำเภอและจังหวัด ภายในแนวเขตตามแผนที่ ท้ายกฎกระทรวงนี้ ซึ่งตามรายการประกอบแผนผังแสดงโครงการคมนาคมและขนส่งท้ายกฎกระทรวงฉบับดังกล่าวได้กำหนดบริเวณถนนที่จะก่อสร้างใหม่ และถนนเดิมที่จะขยายเขตทางตรงกับที่กำหนดไว้ในรายการประกอบแผนผัง แสดงโครงการคมนาคมและขนส่งท้ายกฎกระทรวงฉบับที่ 41(พ.ศ. 2531) ตามฟ้อง ศาลฎีกาจึงชอบที่จะยกกฎกระทรวงฉบับนี้ขึ้นปรับใช้แก่คดีนี้ได้ ดังนั้นเมื่อการก่อสร้างอาคารตามฟ้องของจำเลยต้องห้ามตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 323(พ.ศ. 2540) และฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2518 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคารพิพาทได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างเดือนเมษายน 2533 ถึงวันที่23 พฤศจิกายน 2533 ต่อเนื่องกัน จำเลยก่อสร้างตึกแถวคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น 4 คูหา ลงบนที่ดินโฉนดของจำเลย ซึ่งอยู่ในเขตผังเมืองรวมตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 41 (พ.ศ. 2531)ออกตามความในพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2518 ที่ประกาศใช้บังคับ และจำเลยทราบกฎกระทรวงดังกล่าวแล้ว โดยผังเมืองรวมได้กำหนดให้บริเวณที่ดินดังกล่าวอยู่ในที่เขตที่จะสร้างถนนขึ้นใหม่และขยายถนนเดิมให้กว้างขึ้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการใช้ประโยชน์ในที่ดินผิดไปจากที่กำหนดไว้ในผังเมืองรวม ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างทั้งหมดออกจากบริเวณที่ก่อสร้าง ถ้าจำเลยไม่ยอมรื้อถอนขอให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนเองโดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
จำเลยให้การว่า จำเลยก่อสร้างอาคารโดยได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายแล้ว กฎกระทรวง ฉบับที่ 41(พ.ศ. 2531) ออกตามความในพระราชบัญญัติการผังเมืองพ.ศ. 2518 ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติการผังเมือง (ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2535 แล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก2 ชั้น 4 คูหา ที่ก่อสร้างทั้งหมดออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 678ตำบลในเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด ถ้าไม่ปฏิบัติตามให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนอาคารดังกล่าวโดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยได้ก่อสร้างอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น รวม 4 คูหา ในที่ดินของจำเลยโฉนดเลขที่ 678ตำบลในเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด โดยได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น แต่ต่อมาเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีคำสั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้างเพราะอาคารที่จำเลยก่อสร้างอยู่ในบริเวณที่จะขยายถนน อันเป็นเขตที่ให้ใช้ผังเมืองรวมบังคับตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 41 (พ.ศ. 2531) ออกตามความในพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2518 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2531 และมีระยะเวลาใช้บังคับ 5 ปี
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยมีสิทธิปลูกสร้างอาคารพิพาทตามฟ้องหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า แม้ระยะเวลาการใช้บังคับ 5 ปี ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 41 (พ.ศ. 2531) จะสิ้นสุดลงก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาและไม่มีการขยายระยะเวลาห้ามต่อไปอีก แต่ขณะที่จำเลยก่อสร้างอาคารพิพาทยังอยู่ในอายุการบังคับใช้ของกฎกระทรวงดังกล่าว จึงเป็นการใช้ที่ดินผิดไปจากที่ได้กำหนดไว้ในผังเมืองรวม อันเป็นการฝ่าฝืนกฎกระทรวงข้างต้น จำเลยจึงไม่มีสิทธิก่อสร้างอาคารพิพาทและต้องรื้อถอนออกไป การกระทำของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์และโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนออกไปแล้ว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการพัฒนาประเทศให้เจริญขึ้นเพราะการที่จำเลยก่อสร้างอาคารดังกล่าวทำให้ไม่สามารถขยายถนนตามผังเมืองรวมได้ ทำให้เสียหาย เป็นอุปสรรคในการพัฒนาการคมนาคมและการขนส่งของประเทศนั้น เห็นว่า แม้ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น กฎกระทรวง ฉบับที่ 41 (พ.ศ. 2531) ซึ่งมีระยะเวลาใช้บังคับ 5 ปี จะสิ้นผลใช้บังคับไป แต่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีกฎกระทรวง ฉบับที่ 323 (พ.ศ. 2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2518 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2540 ใช้บังคับอีก มีกำหนด 5 ปี โดยกำหนดไว้ในข้อ 2 ว่า ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเหนือเมืองตำบลในเมือง ตำบลดงลาน ตำบลรอบเมือง ตำบลขอนแก่นอำเภอเมืองร้อยเอ็ด และตำบลนิเวศน์ อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ดภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ ซึ่งตามรายการประกอบแผนผังแสดงโครงการคมนาคมและขนส่งท้ายกฎกระทรวงฉบับดังกล่าวได้กำหนดบริเวณถนนที่จะก่อสร้างใหม่และถนนเดิมที่จะขยายเขตทางเริ่มต้นจากถนนราชการดำเนินบริเวณที่ถนนราชดำเนินบรรจบกับถนนกองพล 10 ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ระยะประมาณ200 เมตร จนบรรจบกับถนนจันทร์เกษม แล้วไปทางทิศใต้ตามแนวถนนเดิม ระยะประมาณ 740 เมตร ตรงกับที่กำหนดไว้ในรายการประกอบแผนผังแสดงโครงการคมนาคมและขนส่งท้ายกฎกระทรวง ฉบับที่ 41 (พ.ศ. 2531) ตามฟ้อง ศาลฎีกาจึงชอบที่จะยกกฎกระทรวงฉบับนี้ขึ้นปรับใช้แก่คดีนี้ได้ ดังนั้นการก่อสร้างอาคารตามฟ้องของจำเลยจึงต้องห้ามตามกฎกระทรวงฉบับที่ 323 (พ.ศ. 2540) และฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการผังเมืองพ.ศ. 2518 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคารพิพาทได้
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share