คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 716/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความว่าจำเลยยอมชำระเงินให้แก่โจทก์หากไม่ชำระจำเลยยอมโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์นั้นไม่ใช่คำพิพากษาที่แสดงหรือวินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ที่ดินว่าเป็นของโจทก์เมื่อว.ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ฟ้องจำเลยฐานผิดสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทและได้ขออายัดที่ดินพิพาทไว้ก่อนที่โจทก์และจำเลยจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันสิทธิของโจทก์กับของว.ใครจะดีกว่ากันจึงยังไม่แน่นอนหากศาลมีคำสั่งตามคำขอของโจทก์ผลแห่งการบังคับคดีย่อมไปกระทบกระเทือนสิทธิของว.ซึ่งมิได้เข้ามาเป็นคู่ความในคดีด้วยอันเป็นการไม่ชอบโจทก์จึงขอบังคับคดีให้โอนที่ดินพิพาทแก่โจทก์ยังไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความว่า จำเลยทั้งสองยอมชำระเงินจำนวน 5,000,000 บาท ให้แก่โจทก์ภายใน 2 เดือน นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ หากไม่ชำระจำเลยทั้งสองและนางสาวปิยวรรณ แก่นเรือง ยอมโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 38 ตำบลบางกระบือ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรีให้แก่โจทก์ภายใน 10 วัน นับแต่วันพ้นกำหนดดังกล่าว หากไม่ยอมโอนให้ถือเอาคำพิพากษาตามยอมเป็นการแสดงเจตนาแทน ในการจดทะเบียนโอนที่ดินจำเลยทั้งสองกับนางสาวปิยวรรณยอมชำระเงินค่าดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายในการโอนจำนวน 450,000 บาท ให้แก่โจทก์และโจทก์ยอมชำระเงินจำนวน 2,000,000 บาท ให้แก่นางสาวปิยวรรณหรือจำเลยทั้งสองภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้จดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ คดีถึงที่สุด ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมโจทก์ได้ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์เจ้าพนักงานที่ดินไม่ดำเนินการให้อ้างว่านายวีระ วรรณประภา ได้อายัดไว้และได้ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีแพ่งฐานผิดสัญญาจะซื้อขายต่อศาลจังหวัดนนทบุรี ตามคดีหมายเลขดำที่ 2077/2532 หากโจทก์จะให้ดำเนินการโอนต้องขอให้ศาลมีคำสั่ง จึงขอให้ศาลมีหนังสือแจ้งให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอม
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ยก คำร้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า โจทก์ขอบังคับคดีให้โอนที่ดินพิพาทแก่โจทก์ได้หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความว่า จำเลยทั้งสองยอมชำระเงินให้แก่โจทก์ หากไม่ชำระจำเลยทั้งสองและนางสาวปิยวรรณแก่นเรือง ยอมโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์นั้นไม่ใช่คำพิพากษาที่แสดงหรือวินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ที่ดิน ว่าเป็นของโจทก์เมื่อปรากฏว่านายวีระ วรรณประภา ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ฟ้องจำเลยทั้งสองฐานผิดสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทและได้ขออายัดที่ดินพิพาทไว้ก่อนที่โจทก์และจำเลยทั้งสองจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน สิทธิของโจทก์กับของนายวีระใครจะดีกว่ากันจึงยังไม่แน่นอน หากศาลมีคำสั่งตามคำขอของโจทก์ผลแห่งการบังคับคดีย่อมไปกระทบกระเทือนสิทธิของนายวีระ ซึ่งมิได้เข้ามาเป็นคู่ความในคดีด้วยอันเป็นการไม่ชอบ โจทก์จึงขอบังคับคดีให้โอนที่ดินพิพาทแก่โจทก์ยังไม่ได้
พิพากษายืน

Share