คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 716/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำให้การของจำเลยเป็นเรื่องต่อสู้ว่า จำเลยมิได้รับสภาพหนี้ซึ่งไม่เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงเท่านั้น การที่จำเลยอุทธรณ์ว่าหนี้ค่าจ้างทำฟิล์มโปร่งแสงโฆษณาระงับด้วยการแปลงหนี้ใหม่มาเป็นมูลหนี้ตามเช็คนั้น จึงเป็นคนละเรื่องกับที่จำเลยให้การต่อสู้ไว้เป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น จำเลยจึงยกขึ้นมาอุทธรณ์ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 วรรคแรก จำเลยรับว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คชำระหนี้ค่าจ้างทำฟิล์มโปร่งแสงโฆษณาให้โจทก์ เมื่อเช็คเรียกเก็บเงินไม่ได้และโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา จำเลยก็รับสารภาพและตกลงผ่อนชำระหนี้ให้ดังนี้ จึงเป็นการชำระหนี้ค่าจ้างบางส่วนให้โจทก์ ย่อมทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172เดิม (มาตรา 193/14 ใหม่) เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้หลังจากจำเลยงดการผ่อนชำระหนี้ ยังไม่เกิน 2 ปี ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ว่าจ้างโจทก์ทำฟิล์มโปร่งแสงโฆษณา”ไส้กรอกตราอีเก้ง” จำนวน 160 แผ่น ซึ่งจำเลยได้รับฟิล์มโปร่งแสงดังกล่าวไปจากโจทก์ครบถ้วนแล้ว จำเลยได้ชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์บางส่วน และคงค้างค่าจ้างอยู่อีกเป็นเงิน 87,040 บาท ต่อมาเมื่อเดือนธันวาคม 2527 จำเลยสั่งจ่ายเช็คธนาคารกสิกรไทย สาขาบางยี่ขัน จำนวน 2 ฉบับ รวมเป็นเงิน 87,040 บาท ให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าจ้างทำฟิล์มโปร่งแสงโฆษณาที่ค้างชำระ เมื่อเช็คถึงกำหนดธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาต่อศาลอาญาธนบุรี ในความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ในการพิจารณาคดีดังกล่าวจำเลยได้ยอมรับว่าเป็นหนี้โจทก์จริง และได้ยอมรับสภาพหนี้ไว้ต่อโจทก์ในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลอาญาธนบุรี โดยจำเลยตกลงจะชำระหนี้ให้โจทก์เดือนละ 10,000 บาท และจะชำระให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 26 ธันวาคม2529 แล้วจำเลยชำระหนี้ให้โจทก์เพียง 40,000 บาท ยังคงค้างชำระอยู่อีก 47,040 บาท โจทก์ได้ผ่อนเวลาให้จำเลยถึงวันที่ 13 ตุลาคม2530 แต่จำเลยไม่ชำระหนี้แก่โจทก์ คิดเป็นดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่จำเลยผิดนัดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 362.60บาท รวมเป็นเงิน 47,402.60 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวกับดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยทำหนังสือรับสภาพหนี้ในค่าจ้างทำฟิล์มโปร่งแสงโฆษณาให้แก่โจทก์ บันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลอาญาธนบุรีที่โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เป็นเพียงบันทึกคำรับสารภาพของจำเลย และจำเลยได้ตกลงผ่อนชำระเงินตามเช็คเป็นเรื่องในทางที่จะบรรเทาโทษความผิดทางอาญาเท่านั้นไม่ใช่หนังสือรับสภาพหนี้คดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 47,040 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่อุทธรณ์ว่าหนี้ค่าจ้างทำฟิล์มโปร่งแสงโฆษณาระงับด้วยการแปลงหนี้ใหม่มาเป็นมูลหนี้ตามเช็คนั้นชอบหรือไม่ เห็นว่า จำเลยให้การว่าจำเลยมิได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ในค่าจ้างทำฟิล์มโปร่งแสงโฆษณาบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลอาญาธนบุรี ที่โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เป็นเพียงคำรับสารภาพของจำเลย และจำเลยตกลงผ่อนชำระเงินตามเช็คให้แก่โจทก์เป็นการบรรเทาผลร้ายแห่งคดีเพื่อประกอบดุลพินิจในการลงโทษของศาลเท่านั้น ดังนี้ตามคำให้การจำเลยเป็นเรื่องที่ต่อสู้ว่าจำเลยมิได้รับสภาพหนี้ ไม่เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าหนี้ค่าจ้างทำฟิล์มโปร่งแสงโฆษณาระงับด้วยการแปลงหนี้ใหม่มาเป็นมูลหนี้ตามเช็คนั้นชอบหรือไม่เห็นว่า จำเลยให้การว่าจำเลยมิได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ในค่าจ้างทำฟิล์มโปร่งแสงโฆษณาบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลอาญาธนบุรีที่โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เป็นเพียงคำรับสารภาพของจำเลย และจำเลยตกลงผ่อนชำระเงินตามเช็คให้แก่โจทก์เป็นการบรรเทาผลร้ายแห่งคดีเพื่อประกอบดุลพินิจในการลงโทษของศาลเท่านั้น ดังนี้ตามคำให้การจำเลยเป็นเรื่องที่ต่อสู้ว่าจำเลยมิได้รับสภาพหนี้ ไม่เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าหนี้ค่าจ้างทำฟิล์มโปร่งแสงโฆษณาระงับด้วยการแปลงหนี้ใหม่มาเป็นมูลหนี้ตามเช็คย่อมเป็นคนละเรื่องกับที่ให้การต่อสู้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น จำเลยยกขึ้นมาอุทธรณ์ไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคแรกที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้นั้นชอบแล้ว
ปัญหาข้อสุดท้ายมีว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่าตามคำให้การจำเลยถือว่าจำเลยให้การยอมรับแล้วว่า จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คชำระหนี้ค่าจ้างทำฟิล์มโปร่งแสงโฆษณาให้แก่โจทก์ เมื่อเช็คเรียกเก็บเงินไม่ได้ โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คต่อศาลอาญาธนบุรี ในการพิจารณาคดีดังกล่าวจำเลยให้การรับสารภาพและตกลงผ่อนชำระหนี้ให้แก่โจทก์ ซึ่งได้ผ่อนชำระให้ไปแล้ว 40,000บาท ตามที่โจทก์ฟ้อง ดังนี้จึงเป็นการชำระหนี้ค่าจ้างทำฟิล์มโปร่งแสงโฆษณาบางส่วนให้แก่โจทก์ เมื่อได้กระทำภายในกำหนดอายุความ2 ปี ย่อมทำให้อายุความสะดุดหยุดลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 172 เดิม (มาตรา 193/14 ใหม่) โจทก์ฟ้องคดีนี้หลังจากจำเลยงดการผ่อนชำระหนี้ให้แก่โจทก์ยังไม่เกิน 2 ปี คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share