แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยนำของเข้ามาในราชอาณาจักร โดยได้รับยกเว้นการเสียภาษีอากรจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ต่อมาจำเลยถูกเพิกถอนสิทธิและประโยชน์ที่ได้รับยกเว้นทั้งหมด ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 มาตรา 55 ให้ถือว่าผู้ได้รับการส่งเสริมนั้นไม่เคยได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีอากรมาแต่ต้น ฉะนั้นจำเลยจะต้องชำระภาษีอากรโดยไม่คำนึงว่า เมื่อจำเลยนำของเข้ามานั้นได้กระทำโดยสุจริตหรือไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ผลิตหลอดภาพเครื่องรับโทรทัศน์ออกจำหน่าย จำเลยได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ได้รับยกเว้นการเสียอากรขาเข้าและภาษีการค้าสำหรับเครื่องจักรและเครื่องมือในการผลิตหลอดภาพเครื่องรับโทรทัศน์ จำเลยนำสินค้าดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักร2 ครั้งโดยได้รับยกเว้นการเสียภาษี ต่อมาคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนสั่งเพิกถอนสิทธิและประโยชน์ทั้งหมดที่ให้แก่จำเลยตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน ให้ถือว่าจำเลยไม่เคบได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีอากรมาแต่ต้นโจทก์ที่ 1 จึงแจ้งจำนวนภาษีอากรที่จะต้องชำระให้จำเลยทราบ จำเลยเพิกเฉย จำเลยจึงต้องเสียเงินเพิ่มคำนวณถึงวันฟ้องและนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์ทั้งสองไม่มีอำนาจฟ้อง ไม่มีอำนาจเรียกเก็บเงินเพิ่ม
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 มาตรา 55 บัญญัติว่า ‘ในกรณีที่คณะกรรมการสั่งเพิกถอนสิทธิและประโยชน์เกี่ยวกับภาษีอากรสำหรับของที่นำเข้าหรือส่งออกทั้งหมด ให้ถือว่าผู้ได้รับการส่งเสริมไม่เคยได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีอากรมาแต่ต้น และให้ผู้ได้รับการส่งเสริมเสียภาษีอากรโดยถือสภาพของของ ราคา และอัตราภาษีอากรที่เป็นอยู่ในวันนำเข้าหรือส่งออกเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษีอากร สำหรับกรณีที่ได้รับลดหย่อนภาษีอากรให้เสียภาษีอากรเพิ่มจากที่ได้เสียไว้แล้วนั้น ให้ครบถ้วนตามจำนวนเงินภาษีอากรที่จะพึงต้องเสียทั้งหมดฯลฯ’ ตามบทบัญญัติดังกล่าวนี้ได้บัญญัติไว้โดยแจ้งชัดแล้วว่า ในกรณีที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนสั่งเพิกถอนสิทธิประโยชน์ที่ได้รับทั้งหมด ก็ให้ถือว่าผู้ได้รับการส่งเสริมนั้นไม่เคยได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีอากรมาแต่ต้น ฉะนั้นจำเลยจึงต้องชำระอากรขาเข้า ภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาล ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ โดยไม่คำนึงว่าเมื่อจำเลยนำของเข้ามานั้นได้กระทำโดยสุจริตหรือไม่
พิพากษายืน.