คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 715/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์สูบน้ำออกจากหนองเพื่อจับปลาจนน้ำแห้งสามารถจับปลาได้แล้ว ย่อมถือว่าปลาในหนองอยู่ในความครอบครองของโจทก์ไม่ว่าหนองนั้นจะเป็นหนองสาธารณะหรือไม่จำเลยใช้ปืนขู่ห้ามมิให้โจทก์จับปลาในหนอง แล้วให้พวกของจำเลยจับปลาในหนองไป ย่อมมีความผิดฐานชิงทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันลักปลาของนายพังซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลรักษาของโจทก์ไป โดยจำเลยที่ 1 ใช้ปืนสั้นขู่จะทำร้ายโจทก์เพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 340, 83

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งประทับฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1

จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ให้จำคุก 1 ปี

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งเป็นองค์คณะในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์กับบุตรโจทก์สูบน้ำออกจากหนองเพื่อจับปลาจนน้ำแห้งแล้ว จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านท้องที่นั้นกับพวกประมาณ 10 คนมาที่หนอง จำเลยที่ 1 พูดว่าหนองนี้เป็นหนองสาธารณะ จับเอาปลาไปไม่ได้ ชีวิตกับปลาเอาอย่างไหนแล้วชักปืนออกขู่โจทก์ห้ามมิให้โจทก์เอาปลาในหนองไป แล้วจำเลยที่ 1สั่งให้พวกของตนเก็บเอาปลาในหนองไป จำเลยที่ 1 เข้าใจว่าหนองดังกล่าวเป็นหนองสาธารณะ จึงวินิจฉัยว่า หนองที่โจทก์สูบน้ำจับปลานี้จะเป็นหนองสาธารณะหรือไม่ก็ตาม เมื่อโจทก์สูบน้ำในหนองแห้งเสร็จเพื่อจะจับปลาในหนองนั้นได้แล้วถือได้ว่าปลานั้นอยู่ในความครอบครองของโจทก์ การที่จำเลยที่ 1 ขู่ห้ามโจทก์มิให้เอาปลาดังกล่าวนั้นไป แม้จำเลยที่ 1 จะไม่ได้เอาปลาไป แต่สั่งให้พวกที่มากับจำเลยที่ 1 เอาปลานั้นไป ก็เป็นการกระทำร่วมกันเพื่อเอาปลาที่อยู่ในความครอบครองของโจทก์ไป การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำโดยมิได้มีอำนาจที่จะกระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการกระทำโดยทุจริตที่ศาลล่างทั้งสองฟังว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิด ชอบด้วยเหตุผลแล้ว แต่ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นสมควรรอการลงโทษ

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า ให้รอการลงโทษจำเลยที่ 1 ไว้มีกำหนดหนึ่งปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share