แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พ. มิได้เป็นผู้รับมอบอำนาจช่วงให้ดำเนินคดีแทนโจทก์ แต่ พ. ได้แต่งทนายความให้ดำเนินคดีในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เป็นเรื่องโจทก์ดำเนินคดีผิดพลาดในเรื่องผู้มีอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์ โดยความบกพร่องของโจทก์เอง โจทก์จะมาฎีกาโต้แย้งว่าการกระทำผิดกระบวนพิจารณาของตนเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน และขอให้ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้โจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่แก้ไขข้อผิดพลาดของตนเอง ย่อมเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้เงินกู้ ๒๒๒,๘๘๘.๑๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๙ ต่อปี ของต้นเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จและค่าเบี้ยประกันภัยทุกปีจนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ ถ้าได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองบังคับชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๒๒๒,๘๘๘.๑๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๓ ต่อปี ของต้นเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๔๑) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๔๓๘๐ ตำบลแม่ทะ อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาด ถ้าได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออก ขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ กับให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนด ค่าทนายความ ๑,๐๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ พิพากษาอุทธรณ์ของโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่า ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ วินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของโจทก์ไม่ชอบเพราะผู้อุทธรณ์ไม่มีอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์ ฉะนั้นเมื่อโจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยดังกล่าว โจทก์ชอบที่จะฎีกาคัดค้านคำวินิจฉัยนั้น แต่โจทก์หาได้ฎีกาคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค ๕ ไม่ กลับฎีกามีลักษณะก้าวล่วงศาลอุทธรณ์ภาค ๕ ว่า มิได้วินิจฉัยไปให้ถึงการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบของศาลชั้นต้น แล้วให้ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๕ ตลอดไปถึงให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่แล้วมีคำพิพากษาใหม่เช่นนี้ ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้ ประการต่อมา การที่โจทก์ดำเนินคดีผิดพลาดในเรื่องผู้มีอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์เท่านั้น เป็นความบกพร่องของโจทก์เอง ดังจะเห็นได้ชัดจากการที่นางพรรณปพร มณฑากูล พยานโจทก์เบิกความยืนยันว่า ตนเป็นผู้รับมอบอำนาจช่วงให้ดำเนินคดีแทนโจทก์ตามหนังสือมอบอำนาจ ซึ่งหากนางพรรณปพรได้ดูหนังสือมอบอำนาจแล้ว ก็เห็นได้ว่ากรณีมิได้เป็นไปตามที่นางพรรณปพรเบิกความแต่ประการใด ดังนั้น โจทก์จะมาฎีกาโต้แย้งว่าการกระทำผิดกระบวนพิจารณาของตนเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน และขอให้ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้โจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่แก้ไขข้อผิดพลาดของตนเอง เช่นนี้ ย่อมเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาโจทก์