แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฎีกาว่าสำหรับหวายของกลางน่าเชื่อว่าไม่ใช่ ของจำเลยแต่เป็นของคนอื่นเมื่อถูกยึดแล้ว จำเลยอาสานำใบอนุญาตไปสวมกับของกลางโดยมีผู้อื่นขอร้องถ้าข้อเท็จจริงเป็นอย่างที่โจทก์ฎีกาก็เท่ากับโจทก์ฎีกาว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องจำเลยเพียงแต่อาสาผู้อื่นนำเอาใบอนุญาตของ จำเลยไปอ้างต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่าหวายของกลาง เป็นของจำเลยเท่านั้น ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริงที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย จากศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ประกอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15จึงไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 4, 5, 27, 28, 29 ทวิ, 71 ทวิ, 74และให้ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 9,000 บาท ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 4 เดือนและปรับ 6,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัว โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ของกลางคืนเจ้าของ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาว่า สำหรับหวายของกลางน่าเชื่อว่าไม่ใช่ของจำเลย แต่เป็นของคนอื่น เมื่อถูกยึดแล้วจำเลยอาสานำใบอนุญาตไปสวมกับของกลางโดยมีผู้อื่นขอร้องศาลฎีกาเห็นว่า ถ้าข้อเท็จจริงเป็นอย่างที่โจทก์ฎีกาก็เท่ากับโจทก์ฎีกาว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องจำเลยเพียงแต่อาสาผู้อื่นนำเอาใบอนุญาตของจำเลยไปอ้างต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่าหวายของกลางเป็นของจำเลยเท่านั้น ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 จึงไม่รับวินิจฉัย
พิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์