คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7138/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2537 โจทก์และจำเลยทำสัญญาซื้อขายรถยนต์พิพาทในราคา 323,000 บาท ครั้นวันที่ 20 ตุลาคม2539 โจทก์และจำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวในราคา323,000 บาท ย่อมแสดงให้เห็นถึงเจตนาของโจทก์และจำเลยว่าต้องการจะเปลี่ยนจากสัญญาซื้อขายเป็นสัญญาเช่าซื้อและคู่สัญญาไม่ประสงค์ที่จะปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายอีกต่อไป ทั้งโจทก์และจำเลยมีเจตนาตกลงเลิกสัญญาซื้อขายกันแล้วสมัครใจเข้าทำสัญญาเช่าซื้อกันใหม่ และจะปฏิบัติตามสัญญาเช่าซื้อต่อไป ดังนั้น สัญญาซื้อขายจึงสิ้นผลผูกพันโจทก์และจำเลยนับตั้งแต่วันทำสัญญาเช่าซื้อทำให้หนี้ตามสัญญาซื้อขายเป็นอันระงับไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่ คำฟ้องของโจทก์บรรยายเกี่ยวกับการซื้อขายรถยนต์เท่านั้นไม่ได้กล่าวถึงสัญญาเช่าซื้อ โจทก์จึงไม่อาจเรียกค่าเสียหายตามสัญญาซื้อขายซึ่งระงับไปแล้วได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 220,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 215,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง (11 กรกฎาคม2540) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะทำคำฟ้องมายื่นใหม่ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยอายุความ

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติโดยคู่ความมิได้โต้เถียงกันว่า เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2537 จำเลยได้ทำสัญญาขายรถยนต์ยี่ห้อนิสสันบิกเอ็ม หมายเลขทะเบียน บ-4284 ชัยภูมิ ให้แก่โจทก์ในราคา 323,000 บาท โจทก์ชำระเงินให้แก่จำเลยในวันทำสัญญาจำนวน 35,000 บาท ส่วนที่เหลือผ่อนชำระเดือนละ 6,000 บาท เป็นเวลา 48 เดือน นับแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2538เป็นต้นไปตามหนังสือสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.1 ต่อมาวันที่ 20 ตุลาคม 2539 โจทก์และจำเลยได้ไปยังสถานีตำรวจภูธรตำบลโพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสีมาและได้ตกลงเปลี่ยนสัญญาซื้อขายดังกล่าวเป็นสัญญาเช่าซื้อ โดยบันทึกสัญญาเช่าซื้อไว้ในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีว่า โจทก์เช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อนิสสันบิกเอ็มหมายเลขทะเบียน บ-4284 ชัยภูมิ ในราคา 323,000 บาท จากจำเลยโจทก์ตกลงผ่อนชำระเป็นค่างวด งวดละ 6,000 บาท จนกว่าจะชำระหมดเริ่มชำระงวดแรกวันที่ 15 พฤศจิกายน 2539 และงวดต่อไปทุกวันที่ 15ของทุก ๆ เดือนจนกว่าจะครบ หากโจทก์ผิดสัญญาหรือไม่ชำระค่างวดติดต่อกัน 3 งวด ยินยอมให้จำเลยยึดหรือเข้าครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวได้ทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเอกสารหมาย ล.1 มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าหนี้ตามสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นอันระงับไปแล้วหรือไม่ เห็นว่า เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2537 โจทก์และจำเลยทำสัญญาซื้อขายรถยนต์หมายเลขทะเบียนบ-4284 ชัยภูมิ ในราคา 323,000 บาท ครั้นวันที่ 20 ตุลาคม 2539โจทก์และจำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์หมายเลขทะเบียน บ-4284ชัยภูมิ ในราคาค่าเช่าซื้อ 323,000 บาท ย่อมแสดงให้เห็นถึงเจตนาของโจทก์และจำเลยว่า ต้องการจะเปลี่ยนจากสัญญาซื้อขายเป็นสัญญาเช่าซื้อ และคู่สัญญาไม่ประสงค์ที่จะปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายอีกต่อไป ทั้งโจทก์และจำเลยมีเจตนาตกลงเลิกสัญญาซื้อขายกันแล้วสมัครใจเข้าทำสัญญาเช่าซื้อกันใหม่และจะปฏิบัติตามสัญญาเช่าซื้อต่อไป ดังนั้น สัญญาซื้อขายจึงสิ้นผลผูกพันโจทก์และจำเลยนับตั้งแต่วันทำสัญญาเช่าซื้อ ทำให้หนี้ตามสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์และจำเลยเป็นอันระงับไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่ คำฟ้องของโจทก์บรรยายเกี่ยวกับการซื้อขายรถยนต์เท่านั้น ไม่ได้กล่าวถึงสัญญาเช่าซื้อแต่อย่างใดโจทก์จึงไม่อาจฟ้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาซื้อขายซึ่งระงับไปแล้วด้วยการแปลงหนี้ใหม่จากจำเลยได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share