คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่มือเปล่าหากโจทก์สละการครอบครองก็ดี หรือปล่อยให้จำเลยครอบครองไม่ฟ้องภายใน 1 ปีก็ดีโจทก์ย่อมหมดสิทธิ์
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ครอบครองมา 17 ปีจำเลยต่อสู้ว่าเป็นของจำเลยครอบครองมาตั้ง 27 ปี ดังนี้เมื่อได้ความเมื่อ พ.ศ.2494 โจทก์ไปทำกินที่อำเภอเชียงดาว ฝากที่พิพาทกับนายคง จำเลยขัดขวางและเข้าครอบครองเสียเอง แล้วโจทก์เพิ่งมาฟ้องคดีนี้เมื่อเดือนกันยายน 2496 ต้องฟังว่าฟ้องเกิน 1 ปี นับแต่วันจำเลยเข้าแย่งการครอบครอง จึงหมดสิทธิฟ้อง
และในกรณีเช่นนี้แม้จะถือว่าเป็นอายุความฟ้อง ซึ่งตามกฎหมายจะต้องยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้หรือไม่ก็ตาม แต่ตามคำให้การของจำเลยที่อ้างถึงการถือสิทธิครอบครองที่พิพาทมานั้นพอฟังได้ว่าจำเลยได้ยกข้อนี้ขึ้นต่อสู้ด้วยแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีที่ดิน 1 แปลง 12 ไร่เศษ ที่อำเภอสวรรคโลกจังหวัดสุโขทัย โจทก์ครอบครองมา 17 ปี เมื่อ พ.ศ. 2494 โจทก์ไปหากินต่างจังหวัด ฝากที่ดินกับนายคง จำเลยขัดขวางนายคงไม่ยอมให้ทำกิน พ.ศ. 2495 โจทก์กลับมาจึงเกิดพิพาทเรื่องไปถึงอำเภอไม่ตกลง จึงให้คู่ความฟ้อง ระหว่างยังไม่ฟ้องห้ามโจทก์จำเลยเข้าทำกินในที่พิพาท จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง

นายหยาดจำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยมา 27 ปีแล้ว

นายตาจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยมีที่ดิน 1 แปลง เนื้อที่ 5 ไร่ได้ครอบครองมา 12 ปีแล้ว โจทก์นำเจ้าพนักงานศาลไปทำแผนที่นำชี้รุกล้ำเขตที่ไร่ของจำเลย

ศาลชั้นต้นฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์และโจทก์ยังไม่ได้สละละทิ้งไปเกิน 1 ปี พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเชื่อว่าโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองถือสิทธิมาจริง แต่เห็นว่าที่พิพาทเป็นที่มือเปล่าหากโจทก์สละการครอบครองก็ดี หรือปล่อยให้จำเลยครอบครองไม่ฟ้องภายใน 1 ปีก็ดีโจทก์ย่อมหมดสิทธิ

ได้ความว่าเมื่อ พ.ศ. 2495 โจทก์ไปทำกินที่อำเภอเชียงดาวฝากที่พิพาทกับนายคงจำเลยขัดขวางและเข้าครอบครองเสียเอง แล้วโจทก์เพิ่งมาฟ้องคดีนี้เมื่อเดือนกันยายน 2496 ต้องฟังว่าฟ้องเกิน1 ปี นับแต่วันจำเลยเข้าแย่งการครอบครองที่พิพาทจึงหมดสิทธิฟ้องและในกรณีเช่นนี้แม้จะถือว่าเป็นอายุความฟ้อง ซึ่งตามกฎหมายจะต้องยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้หรือไม่ก็ตาม แต่ตามคำให้การของจำเลยที่อ้างถึงการถือสิทธิครอบครองที่พิพาทมานั้น พอฟังได้ว่าจำเลยได้ยกขึ้นต่อสู้ด้วยแล้ว

ส่วนที่พิพาทระหว่างนายคงจำเลยกับโจทก์นั้นฟังว่าเป็นของนายคงไม่ใช่ของโจทก์

พิพากษายืน

Share