แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ที่ 1 มีสิทธิได้รับมรดกที่ดินมือเปล่าตามพินัยกรรมตามส่วนของตน แต่ได้แสดงเจตนายกที่ดินมรดกส่วนของตนตีใช้หนี้ ส. แล้วโจทก์ที่ 1 ย่อมหมดสิทธิในที่ดินมรดก ส. ได้สิทธิครอบครอง ถือว่าโจทก์ที่ 1 ได้รับมรดกตามพินัยกรรมแล้ว และกรณีไม่ใช่เรื่องสละมรดกจึงไม่ต้องทำตามแบบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1612 โจทก์ ที่ 1 ไม่มีอำนาจมาฟ้องเรียกเอาที่ดินมรดกอีก
การแบ่งที่ดินมรดกให้แก่ทายาทได้แบ่งในคราวเดียวกันโจทก์ที่ 2 ได้รับเอาที่ดินมรดกมา 3 งานเศษ ยังขาดอยู่ 80 ตารางวาเศษ ทั้งๆ ที่รู้ข้อความในพินัยกรรมดี แต่ก็ไม่ทักท้วง และได้ขายส่วนของตนที่ได้รับมาทั้งหมดให้แก่ ส. ในวันเดียวกันนั้น ทายาททุกคนพอใจในการแบ่งมรดกและได้ถือเอาที่ดินมรดกส่วนแบ่งที่ได้รับมาเป็นของตนแล้วจึงถือว่าผู้จัดการมรดกได้จัดแบ่งที่ดินมรดกเสร็จโดยสมบูรณ์ โจทก์ที่ 2 พอใจในการแบ่งมรดกแล้ว จึงไม่มีอำนาจมาฟ้องเอาส่วนแบ่งอีกมิใช่เรื่องการสละมรดกเช่นเดียวกัน
ย่อยาว
คดีสองสำนวนนี้ศาลพิจารณาพิพากษารวมกัน
สำนวนแรกโจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีส่วนได้รับมรดกที่ดินตามพินัยกรรมของนายเฟื่องบิดา นางสท้านผู้จัดการมรดกได้รับโอนที่ดินมาและแบ่งให้แก่ทายาทอื่นแล้วเว้นแต่โจทก์กับจำเลย นางสท้านถึงแก่กรรม จำเลยซึ่งเป็นบุตรนางสท้านไม่ยอมแบ่งส่วนของโจทก์ให้ จึงขอให้พิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิรับมรดกตามส่วนของโจทก์เนื้อที่ 3 งาน 97 ตารางวา 2 ตารางศอก
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นหนี้เงินนางสท้านและขณะนายเฟื่องยังมีชีวิตอยู่โจทก์ให้นายเฟื่องเป็นตัวแทนกู้เงิน พอนายเฟื่องถึงแก่กรรมนางสท้านใช้หนี้แทน30,000 บาท โจทก์จึงสละสิทธิไม่ขอรับมรดกหรือทรัพย์ใด ๆ ทั้งสิ้น โดยทำใบมอบอำนาจให้ไว้เป็นหลักฐาน นางสท้านครอบครองที่ดินเพื่อตน คดีขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
สำนวนหลังโจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกที่ดินตามพินัยกรรมของนายเฟื่องบิดา นางสท้านในฐานะผู้จัดการมรดกได้รับโอนที่ดินมาและแบ่งส่วนมรดกให้แก่โจทก์แล้วแต่ยังขาดอยู่ 85 ตารางวา 2 ตารางศอก นางสท้านถึงแก่กรรม จำเลยในฐานะทายาทของนางสท้านจะถือสิทธิเอาแต่ผู้เดียว ขอให้พิพากษาให้โจทก์ได้รับมรดกส่วนที่ยังขาดอยู่
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้รับส่วนแบ่งที่ดินตามพินัยกรรมแล้ว แต่ขายให้นายสท้าน โจทก์ไม่มีสิทธิในที่ดินส่วนที่ยังเหลืออยู่อันเป็นส่วนของนางสท้านคดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเรียกโจทก์สำนวนแรกว่าโจทก์ที่ 1 เรียกโจทก์สำนวนหลังว่าโจทก์ที่ 2 และวินิจฉัยว่าโจทก์ที่ 1 ยกที่ดินส่วนของตนให้นางสท้านเป็นการหักกลบลบหนี้ที่โจทก์เป็นหนี้นางสท้านชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์ที่ 2 ได้รับส่วนแบ่งครบถ้วนแล้ว พิพากษายกฟ้องทั้งสองสำนวน
โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายเฟื่องทำพินัยรรมยกที่ดินเนื้อที่ 5 ไร่ 3 งาน97 ตารางวา ให้กับบุตร 6 คน รวมทั้งโจทก์ทั้งสองคนละส่วนเท่ากัน ซึ่งจะได้ที่ดินคนละประมาณ 3 งาน 99 ตารางวา 8 ตารางศอก (ตามฟ้องอ้างว่าจะได้คนละ 3 งาน 97 ตารางวา 2 ตารางศอก) หลังจากนายเฟื่องถึงแก่กรรมแล้วนางสท้านมารดาจำเลยผู้จัดการมรดกได้แบ่งที่ดินดังกล่าวให้แก่ทายาทตามพินัยกรรมและวินิจฉัยว่าโจทก์ที่ 1 เป็นหนี้นางสท้านอย่างน้อยที่สุด 34,000บาท โจทก์ที่ 1 ยกที่ดินมรดกตีใช้หนี้ให้แก่นางสท้านแล้ว โดยที่ที่ดินมรดกเป็นที่ดินมือเปล่ามีเพียง น.ส.3 เท่านั้น เมื่อโจทก์แสดงเจตนายกที่ดินมรดกส่วนของตนตีใช้หนี้ให้แก่นางสท้านแล้ว โจทก์ที่ 1 ย่อมหมดสิทธิในที่ดินมรดกและนางสท้านย่อมได้สิทธิครอบครองและเจ้าพนักงานที่ดินก็ได้โอนที่ดินมรดกมาเป็นชื่อของนางสท้านแล้ว จึงถือว่าโจทก์ที่ 1 ได้รับส่วนแบ่งที่ดินมรดกตามพินัยกรรมแล้ว กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องสละมรดกจึงไม่ต้องทำตามแบบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1612 โจทก์ที่ 1 ไม่มีอำนาจมาฟ้องเรียกร้องเอาที่ดินมรดกอีก
ส่วนที่โจทก์ที่ 2 นั้น โจทก์ที่ 2 เบิกความว่าการคิดคำนวณส่วนแบ่งมรดกเจ้าพนักงานที่ดินเป็นผู้คิดให้ ทายาททุกคนพอใจส่วนแบ่งดังกล่าวรวมทั้งโจทก์ที่ 2ด้วย การแบ่งที่ดินได้กระทำในคราวเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าเจ้าพนักงานที่ดินได้จัดแบ่งที่ดินมรดกตามพินัยกรรมและตามจำนวนที่ดินซึ่งมีอยู่ในขณะแบ่งโจทก์ที่ 2 รู้ข้อความในพินัยกรรมดีแต่ก็มิได้ทักท้วง ทั้งเมื่อได้รับส่วนแบ่งมาแล้วก็ได้ขายส่วนที่ได้รับมาทั้งหมดให้นางสท้านไปในวันเดียวกันนั้น โจทก์ที่ 2 ได้รับส่วนแบ่งมรดกไปเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2509 ตามเอกสารหมาย จ.4 ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวศาลฎีกา เห็นว่าเมื่อทายาททุกคนและโจทก์ที่ 2พอใจในการแบ่งมรดก และทายาททุกคนได้ถือเอาที่ดินมรดกส่วนแบ่งที่ได้รับมาเป็นของตนแล้ว จึงถือว่านางสท้านผู้จัดการมรดกได้จัดแบ่งที่ดินมรดกของนายเฟื่องเจ้ามรดกเสร็จไปโดยสมบูรณ์ และโจทก์ที่ 2 ก็พอใจในการแบ่ง มิใช่เรื่องสละมรดกเช่นเดียวกัน โจทก์ที่ 2 จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเอาส่วนแบ่ง
พิพากษายืน