คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร แสดงว่าโจทก์ประสงค์ขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาใดข้อหาหนึ่งเพียงข้อหาเดียว เพราะเป็นความผิดคนละฐานกัน จะลงโทษจำเลยทั้งสองฐานความผิดย่อมไม่ได้ คำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ว่าได้กระทำผิดตามฟ้องโจทก์จริง ไม่ชัดเจนพอจะชี้ขาดว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานใด จึงเป็นหน้าที่โจทก์จะต้องสืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำผิดของจำเลยเมื่อโจทก์ไม่สืบพยานก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 819/2513 ประชุมใหญ่)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕, ๓๕๗
จำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้องโจทก์จริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๗
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร แสดงว่าโจทก์ประสงค์ขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาใดข้อหาหนึ่งเพียงข้อหาเดียว เพราะความผิดฐานลักทรัพย์กับรับของโจรเป็นความผิดคนละฐานกัน จะลงโทษจำเลยทั้งสองฐานความผิดดังกล่าวย่อมไม่ได้ คำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ว่าได้กระทำผิดตามฟ้องโจทก์จริงย่อมไม่ชัดเจนพอจะชี้ขาดว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานใด จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องสืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำผิดของจำเลย เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
คำให้การจำเลยเป็นแบบพิมพ์ของศาลซึ่งมีข้อความปรากฏอยู่อย่างชัดเจน ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยให้การรับสารภาพฐานรับชองโจรด้วยวาจาแต่พิมพ์คำให้การตกคำว่ารับสารภาพฐานรับของโจรไป หากเป็นจริงดังโจทก์อ้างโจทก์ชอบที่จะคัดค้านเสียก่อนที่จะลงชื่อในคำให้การและรายงานกระบวนพิจารณา เมื่อคำให้การจำเลยไม่ปรากฏมีข้อความดังกล่าว ข้ออ้างของโจทก์จึงรับฟังไม่ได้
พิพากษายืน.

Share