คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7103/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลแรงงานกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ 5 ข้อ และให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานในประเด็นอื่น ๆ นอกจากประเด็นข้อที่ 1 เพียงประเด็นเดียวว่า ค่าอาหารต้องนำมารวมคิดเป็นค่าจ้างด้วยหรือไม่เมื่อประเด็นข้อนี้โจทก์มิได้แถลงรับข้อเท็จจริงใด ๆ ในคดีทั้งไม่มีข้อเท็จจริงที่จะฟังเป็นยุติที่ศาลแรงงานจะนำมาวินิจฉัยคดีของโจทก์ได้ แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณที่จ่าย ภ.ง.ด.1 เอกสารหมาย ล.2 และ ล.3 ที่ศาลแรงงานนำมาวินิจฉัยก็เป็นพยานหลักฐานของจำเลยซึ่งโจทก์มิได้รับว่าถูกต้องการที่ศาลแรงงานสั่งงดสืบพยานโจทก์จึงเป็นการมิชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 85 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานกลางและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 31 และการที่โจทก์มิได้แถลงสละประเด็นข้อใด ประเด็นแห่งคดีที่ศาลแรงงานกลางกำหนดไว้ 5 ข้อ จึงยังคงมีอยู่และศาลแรงงานต้องวินิจฉัย ที่ศาลแรงงานวินิจฉัยประเด็นข้อที่ 1เพียงข้อเดียวก็ไม่ทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง เมื่อคดียังมีประเด็นอื่นที่จะต้องวินิจฉัยอยู่เช่นนี้ การที่ศาลแรงงานวินิจฉัยประเด็นข้อที่ 1 ข้อเดียวแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าและไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโดยปฎิบัติสัญญาจ้างแรงงานระหว่างโจทก์และจำเลยแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินใด ๆจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาประเด็นข้อแรกที่ว่า โจทก์ได้รับค่าจ้างเดือนละเท่าไร แล้ววินิจฉัยว่าในเดือนมกราคม 2535โจทก์ได้รับค่าอาหาร 1,600 บาท เดือนธันวาคมปีเดียวกันโจทก์ได้รับค่าอาหาร 6,000 บาท แสดงว่าโจทก์ได้รับค่าอาหารไม่เท่ากันทุกเดือน ทั้งตามสัญญาจ้าง ค่าอาหารก็มิได้ระบุรวมกับเงินเดือน โดยเงินเดือนแยกระบุไว้ในข้อ 3 ส่วนค่าอาหารอยู่ในข้อ 5 ค่าอาหารจึงถือเป็นบริการที่จำเลยจัดให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นชาวต่างประเทศเพื่อความสะดวกในระหว่างทำงาน ค่าอาหารจึงมิใช่ค่าจ้าง โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลแรงงานกลางกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน และโจทก์แถลงติดใจสืบพยานเฉพาะในประเด็นข้อที่ 1 เพียงประเด็นเดียวว่า ค่าอาหารต้องนำมารวมคิดเป็นค่าจ้างด้วยหรือไม่ประเด็นข้อนี้โจทก์มิได้แถลงรับข้อเท็จจริงใด ๆ ในคดี ทั้งไม่มีข้อเท็จจริงที่จะฟังเป็นยุติที่ศาลแรงงานกลางจะนำมาวินิจฉัยคดีของโจทก์ไม่ได้ สำหรับแบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภ.ง.ด.1 เอกสารหมายล.2 และ ล.3 ที่ศาลแรงงานกลางนำมาวินิจฉัยก็เป็นพยานหลักฐานของจำเลยซึ่งโจทก์มิได้รับว่าถูกต้องดังนั้น การที่ศาลแรงงานกลางสั่งงดสืบพยานโจทก์จึงเป็นการมิชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31
ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ข้อสุดท้ายว่า ศาลแรงงานกลางไม่วินิจฉัยประเด็นแห่งคดีตามคำฟ้องทุกข้อ เป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่าคดีนี้ศาลแรงงานกลางกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ 5 ข้อ โจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานในประเด็นอื่น ๆ นอกจากประเด็นข้อที่ 1แต่โจทก์ก็มิได้แถลงสละประเด็นใดประเด็นหนึ่งแห่งคดีที่ศาลแรงงานกลางกำหนดไว้จึงยังคงมีอยู่และศาลแรงงานกลางต้องวินิจฉัย ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยประเด็นข้อที่ 1 เพียงข้อเดียวก็ไม่ทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง เมื่อคดียังมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยอยู่เช่นนี้ การที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยประเด็นข้อที่ 1 ข้อเดียวแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานกลางและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31
พิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์ในประเด็นข้อที่ 1 ต่อไปแล้ววินิจฉัยชี้ขาดคดีตามประเด็นที่กำหนดไว้แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share