แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นนิติบุคคลจัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2519 เพื่อให้บริการพูดโทรศัพท์ระหว่างประเทศแก่ประชาชน เมื่อผู้ใช้เครื่องโทรศัพท์พูดโทรศัพท์จากประเทศไทยไปยังต่างประเทศโดยผ่านเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของโจทก์ ผู้ใช้บริการพูดโทรศัพท์จะต้องเสียค่าใช้บริการพูดโทรศัพท์ตาม อัตราที่โจทก์กำหนดไว้ ค่าใช้บริการพูดโทรศัพท์จึงเป็นสินจ้างถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้าโดยรับทำการงาน เรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7)ซึ่งมีอายุความ 2 ปี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าพูดโทรศัพท์ระหว่างประเทศ จำนวน 5,700 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยให้การว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลและรัฐวิสาหกิจ ประกอบกิจการไปรษณีย์และโทรคมนาคมเปิดบริการให้บุคคลทั่วไปพูดโทรศัพท์ติดต่อระหว่างประเทศผ่านเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของโจทก์ โดยคิดค่าบริการตามจำนวนมากน้อยของเวลาที่ใช้บริการและตามอัตราค่าใช้บริการที่โจทก์กำหนด การใช้บริการดังกล่าวจะต้องจองการพูดกับพนักงานของโจทก์ จึงเข้าลักษณะบุคคลที่ทางราชการแต่งตั้งหรืออนุญาตให้จัดกิจการเฉพาะอย่างเป็นบุคคลจำพวกที่ค้าในการให้เช่าสังหาริมทรัพย์ (เครื่องวิทยุโทรศัพท์) โดยคิดค่าเช่า เป็นผู้ค้าในการดูแลกิจการของผู้อื่นหรือรับทำการงานต่าง ๆ โดยรับสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้นและเป็นบุคคลผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคล ใช้สิทธิเรียกร้องเอาค่าจ้าง สินจ้าง ค่าธรรมเนียม เพื่อการงานที่ทำหรือค่าที่ได้ออกเงินทดรองไป ตามมาตรา 165(15)(6)(7)(8) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สิทธิเรียกร้องดังกล่าวมีระยะเวลาเพียง 2 ปี ข้อเท็จจริงปรากฏว่า หนี้ตามฟ้องเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 9 มกราคม 2527 ถึงวันที่ 6 มีนาคม 2527 แต่โจทก์เพิ่งยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2529 คดีโจทก์จึงขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์ฟ้องและจำเลยให้การต่อสู้ว่า หนี้ที่จำเลยใช้บริการพูดโทรศัพท์ระหว่างประเทศของโจทก์ จำนวน 5 ครั้ง คิดเป็นค่าใช้บริการทั้งสิ้น 5,700บาท เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 9 มกราคม 2527 ถึงวันที่ 6 มีนาคม 2527โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2529 ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้โจทก์จะเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2519 มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการและนำมาซึ่งความเจริญของกิจการไปรษณีย์และโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์แห่งรัฐและประชาชนโดยให้บริการสาธารณะ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการติดต่อส่งข่าวถึงกันและกัน รวมทั้งการให้บริการพูดโทรศัพท์ระหว่างประเทศแก่ประชาชนด้วยก็ตาม แต่เมื่อผู้ใช้เครื่องโทรศัพท์พูดโทรศัพท์จากประเทศไทยไปยังต่างประเทศโดยผ่านเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของโจทก์ ผู้ใช้บริการพูดโทรศัพท์จะต้องเสียค่าใช้บริการพูดโทรศัพท์ตามอัตราที่โจทก์กำหนดไว้ ค่าใช้บริการพูดโทรศัพท์ดังกล่าวจึงเป็นสินจ้างนั่นเอง กรณีดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้าโดยรับทำการงาน เรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7) ซึ่งมีอายุความ 2 ปี ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความนั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน