แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยสั่งพักงานโจทก์ระหว่างสอบสวน เมื่อสอบสวนเสร็จแล้วได้มีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์ โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง จำเลยพิจารณาแล้วเห็นว่ายังไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าโจทก์ทำผิด จึงมีคำสั่งให้รับโจทก์กลับเข้าทำงาน ดังนี้ การที่โจทก์ไม่มีผลงานให้แก่จำเลยในชั่วระยะเวลานั้นมิใช่เป็นความผิดของโจทก์ การยกเลิกคำสั่งเลิกจ้างย่อมต้องถือเสมือนว่าคำสั่งเลิกจ้างไม่เคยมีมาก่อน ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยที่สะดุดหยุดลงจึงต้องคืนเข้าสู่ภาวะเดิมโดยไม่ถือว่าขาดช่วงจำเลยตัดระยะเวลาการทำงานของโจทก์ในช่วงที่ถูกเลิกจ้างออกไม่ชอบด้วยความเป็นธรรมและหามีกฎหมายหรือข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยสนับสนุนหรือให้อำนาจไม่
ประกาศเรื่องเงินโบนัสของจำเลยมีว่า พนักงานที่ถูกพักงานโดยไม่ได้รับเงินเดือน……ฯลฯ ให้ได้รับเงินรางวัลประจำปีตามส่วนเฉลี่ยแห่งระยะเวลาการทำงานในปีงบประมาณ เดิมโจทก์ไม่ได้รับเงินเดือนในระหว่างถูกสั่งพักงาน ต่อมาจำเลยได้ยอมรับโจทก์กลับเข้าทำงานโดยจ่ายเงินเดือนให้ร้อยละสิบห้า เมื่อศาลแรงงานกลางได้วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีมลทินมัวหมอง โจทก์มีสิทธิได้รับเงินเดือนเต็มจำนวนในช่วงถูกพักงานดังนี้ กรณีของโจทก์จึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามประกาศดังกล่าว จะให้โจทก์ได้รับเงินโบนัสแต่เพียงตามส่วนเฉลี่ยแห่งระยะเวลาการทำงานไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสั่งพักงานโจทก์โดยไม่มีความผิด ต่อมาจำเลยได้รับโจทก์กลับเข้าทำงาน โจทก์มีสิทธิได้รับค่าจ้าง ค่ากะ เงินโบนัส ในระหว่างพักงาน จำเลยจ่ายค่าจ้างในระหว่างโจทก์ถูกพักงานเพียงร้อยละสิบห้าและไม่ยอมนับระยะเวลาทำงานต่อเนื่องให้ ขอให้บังคับ
จำเลยให้การว่า เงินค่ากะไม่ใช่ค่าจ้าง โจทก์ไม่ได้ทำงานในช่วงพักงานจึงไม่มีสิทธิได้ค่ากะ ตามระเบียบของจำเลย จำเลยไม่ต้องจ่ายเงินเดือนให้แก่โจทก์ในระหว่างถูกสั่งพักงานระหว่างสอบสวน จำเลยสอบสวนเสร็จแล้วปรากฏว่าโจทก์มีความผิด จำเลยจึงมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์ โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง จำเลยพิจารณาแล้วเห็นว่า หลักฐานไม่ปรากฏแน่ชัดว่าโจทก์ทำผิด พฤติการณ์ถือได้ว่าโจทก์มีมลทินมัวหมอง จึงสั่งให้รับโจทก์กลับเข้าทำงานโดยให้ได้รับเงินเดือนระหว่างถูกพักงานร้อยละสิบห้าตามระเบียบของจำเลย สำหรับเงินโบนัสตามระเบียบของจำเลย พนักงานที่ถูกพักงานโดยไม่ได้รับเงินเดือนคงมีสิทธิได้รับเงินโบนัสตามส่วนเฉลี่ยแห่งระยะเวลาการทำงานในปีงบประมาณนั้น เงินโบนัสปี ๒๕๒๙ ของโจทก์จึงได้ไม่เกิน ๑,๐๐๐ บาท คำสั่งของจำเลยชอบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินค่ากะ โจทก์ไม่มีมลทินมัวหมอง จำเลยต้องจ่ายเงินเดือนย้อนหลังให้โจทก์นับแต่วันพักงานจนถึงวันกลับเข้าทำงานโดยคิดจากอัตราเงินเดือนสุดท้ายก่อนถูกพักงาน และถือไม่ได้ว่าโจทก์ถูกพักงานโดยไม่ได้รับเงินเดือน จึงมีสิทธิได้รับเงินโบนัสประจำปี ๒๕๒๙ จำนวน ๓ เดือน เมื่อจำเลยมีคำสั่งให้โจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิมย่อมมีผลให้คำสั่งเลิกจ้างถูกเพิกถอนไปในตัว โจทก์จำเลยมีความสัมพันธ์เป็นลูกจ้างนายจ้างกันเช่นเดิมติดต่อกันตลอดมาโดยไม่ขาดตอน จำเลยต้องนับเวลาในช่วงที่ถูกเลิกจ้างเข้าเป็นระยะเวลาทำงานของโจทก์ด้วย พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยเฉพาะเรื่องให้ได้รับเงินเดือนเพียงร้อยละสิบห้าของเงินเดือนสุดท้ายก่อนเลิกจ้าง เรื่องไม่นับระยะเวลาในช่วงถูกเลิกจ้างและสิทธิได้รับเงินโบนัสประจำปี ๒๕๒๙ ให้จำเลยชำระเงิน ๑๓๑,๒๖๗.๔๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ให้นับระยะเวลาการทำงานในช่วงถูกเลิกจ้างเข้าเป็นระยะเวลาการทำงานของโจทก์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนที่ประชุมปรึกษาแล้วความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยต้องสะดุดหยุดลงชั่วระยะเวลาหนึ่งและการที่โจทก์ไม่มีผลงานให้แก่จำเลยในชั่วระยะเวลานั้นมิใช่เป็นความผิดของฝ่ายโจทก์ หากแต่เป็นการตัดสินใจที่รวดเร็วเกินไปของฝ่ายจำเลยเอง บัดนี้ ความปรากฏชัดแล้วว่าโจทก์ถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด จนจำเลยต้องยกเลิกคำสั่งเลิกจ้างผลแห่งการยกเลิกคำสั่งเลิกจ้างย่อมต้องถือเสมือนว่าคำสั่งเลิกจ้างไม่เคยมีมาแต่ก่อนความสัมพันธ์ที่สะดุดหยุดลงจึงต้องคืนเข้าสู่ภาวะเดิมโดยบริบูรณ์ไม่ถือว่าขาดช่วง คำสั่งของจำเลยที่ให้ตัดระยะเวลาการทำงานช่วงที่ถูกเลิกจ้างออกเสียนั้นหาชอบด้วยความเป็นธรรม และหามีบทกฎหมายหรือข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยใด ๆ สนับสนุนหรือให้อำนาจแก่จำเลยกระทำการเช่นว่านั้นไม่ ดังจะเห็นว่าจำเลยมิได้อ้างเหตุผลใด ๆ ไว้ในคำสั่งดังกล่าวเลย
ประกาศของจำเลยกำหนดว่า “พนักงานที่ถูกพักงานโดยไม่ได้รับเงินเดือน หรือลาหยุดโดยไม่รับเงินเดือนตั้งแต่ ๓๐ วันขึ้นไป………. ฯลฯ ให้ได้รับเงินรางวัลประจำปีตามส่วนเฉลี่ยแห่งระยะเวลาการทำงานในปีงบประมาณนั้น พิเคราะห์แล้ว จริงอยู่ ชั้นเดิมโจทก์ไม่ได้รับเงินเดือนในระหว่างถูกสั่งพักงาน (ซึ่งต่อมาช่วงของการพักงานได้กลายเป็นช่วงของการถูกเลิกจ้าง) แต่ในที่สุดจำเลยก็ยอมรับโจทก์กลับเข้าทำงานโดยจ่ายเงินเดือนให้ร้อยละสิบห้า และศาลแรงงานกลางก็ได้วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีมลทินมัวหมอง โจทก์มีสิทธิได้รับเงินเดือนเต็มจำนวนในช่วงถูกพักงาน เมื่อเช่นนี้ กรณีของโจทก์จึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามประกาศดังกล่าว อันจะได้รับเงินโบนัสแต่เพียงตามส่วนเฉลี่ยแห่งระยะเวลาการทำงาน
พิพากษายืน