แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้ทำการโฆษณาสินค้าและภาพยนตร์ซึ่งเป็นการจ้างทำของ  หนี้รายนี้จึงมีอายุความให้ฟ้องร้องได้ภายในกำหนด 2 ปี  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (1)  เมื่อนับจากวันที่หนี้รายนี้เกิดขึ้นถึงวันที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายเนื่องจากค้างชำระสินจ้างดังกล่าวเป็นเวลาเกินสองปีแล้ว  หนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องจึงขาดอายุความ
คดีล้มละลายจำเลยไม่จำต้องให้การสู้คดีเช่นคดีแพ่งสามัญจึงไม่มีประเด็นอย่างใดเกิดขึ้น  การพิจารณาคดีล้มละลายผิดแผกแตกต่างกับการพิจารณาคดีแพ่งสามัญเพราะพระราชบัญญัติล้มละลายเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนมีผลในทางตัดสิทธิและเสรีภาพของผู้ที่ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย  ศาลจึงต้องพิจารณาเอาความจริงตามมาตรา 14  แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนมีผลในทางตัดสิทธิและเสรีภาพของผู้ที่ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย  ศาลจึงต้องพิจารณาเอาความจริงตามมาตรา 14  แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย  พ.ศ. 2483  ว่าคดีมีเหตุที่ควรหรือไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายหรือไม่  ฉะนั้น แม้จำเลยจะมิได้ยกข้อต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ  เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าหนี้ตามฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ  จึงเป็นหนี้ที่เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ตามมาตรา 94 (1)  ถือได้ว่าเป็นเหตุที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายตามมาตรา 14 ดังกล่าว  ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า  เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์  ๒๕๑๔  ถึงเดือนกันยายน  ๒๕๑๕  จำเลยว่าจ้างโจทก์ทำการโฆษณาสินค้าและภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ ทางสถานีโทรทัศน์  รวมเป็นเงินค่าจ้างทั้งสิ้น ๑,๐๖๕,๖๐๕ บาท  โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาเรียบร้อยแล้วได้ขอเก็บเงินจากจำเลยเป็นคราว ๆ ตามที่ปฏิบัติมา  จำเลยผัดผ่อนหลีกเลี่ยงตลอดมา    โจทก์มอบให้ทนายความมีหนังสือทวงถามจำเลยสองครั้ง  โดยมีระยะห่างกันเกินกว่า ๓๐ วัน  จำเลยได้รับทราบแล้วแต่เพิกเฉย  ปรากฏว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว  ไม่มีทรัพย์สินพอชำระหนี้โจทก์ซึ่งเป็นหนี้ที่กำหนดเป็นเงินแน่นอน ๑,๐๖๕,๖๐๕ บาท พฤติการณ์ของจำเลยถือว่าเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย  พุทธศักราช ๒๔๘๓  ไม่สามารถชำระหนี้รายนี้ให้โจทก์ได้  ขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยโดยเด็ดขาด  และพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายให้เอากองทรัพย์สินของจำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์ ๑,๐๖๕,๖๐๕ บาท  พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยไม่ยื่นคำให้การ  และขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้ทำการโฆษณาสินค้าและภาพยนตร์ซึ่งเป็นการจ้างทำของ  หนี้รายนี้มีอายุความให้ฟ้องร้องได้ภายในกำหนด ๒ ปี  ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา ๑๖๕ (๑)  และหนี้รายนี้เกิดขึ้นระหว่างเดือนกุมภาพันธ์  ๒๕๑๔  ถึงเดือนกันยายน ๒๕๑๕  เมื่อนับถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้คือวันที่  ๒๒  พฤศจิกายน  ๒๕๑๙  เป็นเวลาเกินสองปีแล้ว  หนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องจึงขาดอายุความดั่งที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัย
ที่โจทก์ฎีกาว่า  จำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความศาลจะอ้างเอาอายุความมาเป็นมูลยกฟ้องไม่ได้  และปัญหาข้อนี้มิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน  ศาลไม่มีอำนาจหยิบยกขึ้นมาพิจารณาได้นั้น  ศาลฎีกาเห็นว่าคดีล้มละลาย  จำเลยไม่จำต้องให้การสู้คดีเช่นคดีแพ่งสามัญจึงไม่มีประเด็นอย่างใดเกิดขึ้น  การพิจารณาคดีล้มละลายผิดแผกแตกต่างกับการพิจารณาคดีแพ่งสามัญ  เพราะพระราชบัญญัติล้มละลาย ฯ เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน  ศาลไม่มีอำนาจหยิบยกขึ้นมาพิจารณาได้นั้นศาลฎีกาเห็นว่าคดีล้มละลาย  จำเลยไม่จำต้องให้การสู้คดีเช่นคดีแพ่งสามัญจึงไม่มีประเด็นอย่างใดเกิดขึ้น  การพิจารณาคดีล้มละลายผิดแผกแตกต่างกับการพิจารณาคดีแพ่งสามัญ  เพราะพระราชบัญญัติล้มละลาย ฯ เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน  มีผลในทางตัดสิทธิเสรีภาพของผู้ที่ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย  พุทธศักราช ๒๔๘๓  ว่าคดีมีเหตุที่ควรหรือไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายหรือไม่  ฉะนั้น  เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า  หนี้ตามฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ  จึงเป็นหนี้ที่เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ตามมาตรา ๙๔ (๑)  ถือได้ว่าเป็นเหตุที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายตามมาตรา ๑๔  ดังกล่าว
พิพากษายืน

