แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 เป็นเสมียนพนักงานที่ดินอำเภอ มีหน้าที่เก็บรักษาแบบพิมพ์ต่าง ๆ จ่ายแบบพิมพ์ น.ส. 3 หรือใบแทน ฯลฯ ไม่มีหน้าที่ทำเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร การที่จำเลยที่ 1 ปลอมหนังสือรับรองการทำประโยชน์อละสัญญาขายฝากขึ้น จึงไม่ใช่กระทำโดยอาศัยที่ตนมีตำแหน่งหน้าที่ ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161
จำเลยทำหนังสือรับรองการทำประโยชน์และทำสัญญาขายฝากปลอมขึ้น แล้วนำไปฉ้อโกงผู้เสียหายให้มอบเงินแก่จำเลยตามเอกสารปลอมดังกล่าว อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266, 268, 341 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบด้วย 255
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันใดไม่ปรากฏระหว่างวันที่ ๑ ถึง ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๗ จำเลยที่ ๒ โดยทุจริตได้หลอกลวงโดยกล่าวแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่นางเฉลียวว่า จำเลยที่ ๒ มีที่นาจะขายฝาก แล้วพาญาตินางเฉลียวไปดูที่นา ซึ่งเป็นของผู้อื่น นางเฉลียวหลงเชื่อ รับซื้อฝากขาย ต่อมาวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๗ จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันหลอกลวงนายเฉลียว โดยร่วมกันทำหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ๑ ฉบับ และสัญญาขายฝากที่ดิน ๑ ฉบับ มอบให้นางเฉลียว โดยแจ้งว่าเป็นหนังสือและสัญญาที่ทำโดยถูกต้อง ความจริงจำเลยทั้งสองร่วมกันปลอมขึ้น นายเฉลียวหลงเชื่อมอบเงิน ๑๙,๐๐๐ บาทให้แก่จำเลยที่ ๒ ไป
เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๗ จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นเสมียนพนักงานที่ดินอำเภอ มีหน้าที่ดูแลรักษาเอกสารแบบพิมพ์หนังสือรับรองการทำประโชยน์ และแบบพิมพ์ต่าง ๆ ของทางราชการ ได้ร่วมกับจำเลยที่ ๒ ทำหนังสือรับรองทำประโยชน์ ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสาราชการปลอมขึ้นทั้งฉบับ โดยนำเอาแบบพิมพ์ของทางราชการกรมที่ดินมาพิมพ์กรอกข้อความ เซ็นลายมือชื่อปลอมของนายวิสุทธิ์ในช่องนายอำเภอ และใช้ตราของอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ประทับลงในช่องประทับตราตำแหน่งเป็นสำคัญ แล้วนำไปใช้แสดงและมอบแก่นางเฉลียว
เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๗ จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นเสมียนพนักงานที่ดินอำเภอ มีหน้าที่ดูแลรักษาเอกสารแบบพิมพ์หนังสือสัญญาขายฝาก ได้ร่วมกับจำเลยที่ ๒ ทำหนังสือสัญญาขายฝาก ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอมขึ้นทั้งฉบับ แล้วร่วมกันนำไปใช้แสดงและมอบแก่นางเฉลียว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๖๑, ๒๖๔, ๒๖๖, ๒๖๘, ๓๔๑, ๘๓, ๓๓ ขอให้ริบเอกสารปลอมทั้งสองฉบับของกลาง และให้จำเลยทั้งสองใช้ราคาทรัพย์ ๑๙,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๖๑, ๒๖๔, ๒๖๖, ๒๖๘, ๓๔๑, ๘๓ แต่ความผิดตามมาตรา ๑๖๑, ๒๖๔, ๒๖๖, ๒๖๘ เป็นกรรมเดียวกัน ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๖๘ ซึ่งเป็นบทหนัก ฐานปลอมหนังสือรับรองการทำประโยชน์และหนังสือสัญญาขายฝาก จำคุกกระทงละ ๑ ปี ฐานฉ้อโกง จำคุก ๖ เดือน รวมโทษจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ ๒ ปี ๖ เดือน เอกสารปลอมของกลาง ๖ ฉบับ ให้ริบ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๑๙,๐๐๐ บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ ไม่มีความผิดตามมาตรา ๑๖๑, ๓๔๑ และเป็นเหตุในลักษณะคดี จำเลยที่ ๒ ไม่ผิดมาตรา ๑๖๑ ด้วย จำเลยที่ ๑ คงมีความผิดตามมาตรา ๒๖๖, ๒๖๘ การปลอมหนังสือรับรองการทำประโยชน์และสัญญาขายฝากกระทำคราวเดียวกัน การใช้ก็ใช้แสดงคราวเดียวกัน เป็นกรรมเดียว ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๖๘ ประกอบด้วยมาตรา ๒๖๖ คงจำคุกจำเลยที่ ๑ ๒ ปี จำเลยที่ ๑ ไม่ต้องร่วมกับจำเลยที่ ๒ ใช้เงิน ๑๙,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ เป็นเสมียนพนักงานที่ดินอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ มีหน้าที่รักษาแบบพิมพ์ น.ส. ๓ สัญญาขายฝากและแบบพิมพ์อื่น ๆ กับรับคำขอเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับที่ดิน เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๗ เวลาประมาณ ๙ นาฬิกา ผู้เสียหายกับจำเลยที่ ๒ ไปหาจำเลยที่ ๑ ที่อำเภอ แจ้งความประสงค์ขอทำสัญญาขายฝาก จำเลยที่ ๑ รับเป็นผู้จัดทำ ได้สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนที่ดินที่ตั้งและราคาเสร็จแล้วให้รออยู่ จนถึงเวลาประมาณ ๑๓ นาฬิกา จำเลยที่ ๑ บอกว่าเรียบร้อยนำ น.ส. ๓ และสัญญาขายฝากมาให้ผู้เสียหายและจำเลยที่ ๒ เซ็นชื่อ แล้วมอบ น.ส.๓ และสัญญาขายฝากให้ผู้เสียหาย เมื่อกลับถึงบ้าน ผู้เสียหายชำระเงินให้จำเลยที่ ๒ เป็นเงิน ๑๙,๐๐๐ บาท ต่อมาอีก ๓ – ๔ เดือน ผู้เสียหายทราบว่านาที่ขายฝากเป็นของผู้อื่น จึงไม่ยอมชำระเงินที่เหลือ และปรากฏภายหลังว่า น.ส. ๓ และสัญญาขายฝากที่จำเลยที่ ๑ ทำขึ้นนั้นปลอมทั้งสองฉบับ ตลอดจนลายเซ็นของนายวิสุทธิ์ปลักอำเภอก็เป็นลายเซ็นชื่อปลอม
แล้ววินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า ตามคำสั่งอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ที่ ๑๑/๒๕๑๗ เรื่องแบ่งหน้าที่การงานและมอบความรับผิดชอบ ในข้อ ๓.๑ ให้จำเลยที่ ๑ มีหน้าที่เก็บรักษาแบบพิมพ์ต่าง ๆ จ่ายแบบพิมพ์ น.ส. ๓ หรือใบแทน ฯลฯ ไม่ได้มอบหมายให้มีหน้าที่ทำเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร คำพยานโจทก์ว่าจำเลยที่ ๑ มีหน้าที่รับคำขอคำร้องที่มีผู้มายื่นเท่านั้น การที่จำเลยที่ ๑ ปลอมหนังสือรับรองการทำประโยชน์และสัญญาขายฝากขึ้น จึงไม่ใช่กระทำโดยอาศัยที่ตนมีตำแหน่งหน้าที่ จำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา ๑๖๑
ส่วนความผิดฐานฉ้อโกงนั้น เห็นว่า ตามพฤติการณ์ของจำเลยที่ ๑ ได้ทำหนังสือรับรองการทำประโยชน์และสัญญาขายฝากขึ้นในวันเดียวกัน เป็นการผิดระเบียบของทางราชการ เพราะตามคำเบิกความของนายวิเชียร พนักงานที่ดินอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ พยานโจทก์ว่า การขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็ดี การทำสัญญาขายฝากก็ดี จะต้องมีการยื่นเรื่องรายก่อน ประกาศโฆษณา ๓๐ วัน ไม่มีผู้ใดคัดค้านแล้ว จึงจะดำเนินการได้ เห็นว่าแม้จำเลยที่ ๑ จะมิได้รู้เห็นตอนแรกที่จะเลยที่ ๒ นำชี้ที่ดินของผู้อื่น แต่จำเลยที่ ๑ จะต้องร่วมคบคิดกับจำเลยที่ ๒ โดยทุจริตหลอกลวงผู้เสียหาย ด้วยการปกปิดข้อความจริงอันควรบอกให้แจ้ง ขณะออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และทำสัญญาขายฝาก การที่ผู้เสียหายชำระเงินให้จำเลยที่ ๒ ที่บ้าน เป็นไปตามแผนที่วางไว้ หาทำให้จำเลยที่ ๑ พ้นผิดไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่ลงโทษจำเลยที่ ๑ ฐานฉ้อโกงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา แต่การใช้หนังสือรับรองการทำประโยชน์และใช้หนังสือสัญญาขายฝากปลอมกับความผิดฐานฉ้อโกงเป็นกรรมเดียวกันผิดต่อกฎหมายหลายบทที่ศาลชั้นต้นว่าเป็นความผิดหลายกระทง ไม่ถูกต้อง และเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาถึงจำเลยที่ ๒ ที่ไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๖, ๒๖๘, ๓๔๑ ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอม อันเป็นบทหนักตามมาตรา ๒๖๘ ประกอบด้วยมาตรา ๒๖๖ จำคุกคนละ ๒ ปีให้ร่วมกันใช้เงิน ๑๙,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์