แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงมาแล้วว่า จำเลยใช้เอกสารปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและลงโทษ จำเลยยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำเลยฎีกาว่ามิได้ใช้เอกสารปลอม ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน เป็น การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
บัตรประจำตัวข้าราชการ เป็นเอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้น ในหน้าที่การปลอมเอกสารดังกล่าว เป็นการปลอมเอกสารราชการ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยปลอมบัตรประจำตัวประชาชนข้าราชการขึ้นทั้งฉบับเพื่อแสดงว่าจำเลยมีตำแหน่งหน้าที่ราชการในกรมประมวลข่าวกลางสำนักงานนายกรัฐมนตรี และได้ใช้บัตรประจำตัวปลอมนั้น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268, 32, 33 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265 และมาตรา 268 ลงโทษตามมาตรา 268 จำคุก 2 ปี คำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 1 ปี 4 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามที่จำเลยฎีกาว่าคดีนี้ไม่ปรากฏว่าการกระทำของจำเลยได้เกิดความเสียหายหรือน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน อันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 นั้น เรื่องนี้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงแล้วว่า จำเลยใช้เอกสารปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่พลโทบุญเรือน นายอนันต์ ผู้อื่น หรือประชาชน จำเลยจะฎีกาโต้เถียงข้อนี้ไม่ได้เพราะปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนฎีกาจำเลยที่ว่า การปลอมบัตรประจำตัวข้าราชการมิใช่เป็นการปลอมเอกสารราชการนั้น เห็นว่า บัตรประจำตัวข้าราชการเป็นเอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นในหน้าที่ การปลอมบัตรประจำตัวดังกล่าวจึงเป็นการปลอมเอกสารราชการ
พิพากษายืน