คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 707/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341,83ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ มาตรา 22 ทวิคำพิพากษาที่พิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น มี คำสั่งว่าอุทธรณ์ โจทก์มีเหตุอันควรอุทธรณ์ในปัญหา ข้อเท็จจริงได้ จึงรับรองให้อุทธรณ์ ไม่ปรากฏว่ามีข้อใดที่ ผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นพิเคราะห์เห็นว่าข้อความที่ตัดสิน นั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์และอนุญาตให้อุทธรณ์ได้จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยมาตรา 22 ทวิ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นสั่งในคำร้องว่า อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองมีเหตุอันควรอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ จึงรับรองให้อุทธรณ์และมีคำสั่งในอุทธรณ์ให้รับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ถือไม่ได้ว่าผู้พิพากษาศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับวินิจฉัยพิพากษายกอุทธรณ์โจทก์
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีโจทก์ทั้งสองต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 แต่คู่ความสามารถอุทธรณ์ได้ เมื่อได้ดำเนินการตามมาตรา 22 ทวิ ซึ่งบัญญัติว่า”ในคดีซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 22 ถ้าผู้พิพากษาคนใดซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษา หรือทำความเห็นแย้งในศาลแขวงพิเคราะห์เห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์และอนุญาตให้อุทธรณ์หรืออธิบดีกรมอัยการหรือพนักงานอัยการซึ่งอธิบดีกรมอัยการได้มอบหมายลงลายมือชื่อรับรองในอุทธรณ์ว่ามีเหตุอันควรที่ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัย ก็ให้รับอุทธรณ์นั้นไว้พิจารณาต่อไป” ในคดีนี้โจทก์ทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ โดยผู้พิพากษาที่พิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งว่า อุทธรณ์โจทก์ทั้งสองมีเหตุอันควรอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ จึงรับรองให้อุทธรณ์ คำสั่งดังกล่าวไม่ปรากฏว่ามีข้อใดที่ผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นพิเคราะห์เห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์และอนุญาตให้อุทธรณ์ได้จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยมาตรา 22 ทวิศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share