คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 61/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมจำเลยออกเช็ค 10 ฉบับชำระหนี้ค่ากระจกให้แก่โจทก์เมื่อเช็คทั้ง 10 ฉบับเรียกเก็บเงินไม่ได้ จำเลยจึงออกเช็คพิพาท3 ฉบับให้แทน โดยมีข้อตกลงว่า เมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนดจำเลยจะนำเช็คใหม่หรือเงินสดมาแลกเช็คพิพาทไปจากโจทก์ โดยไม่ให้โจทก์นำเช็คเรียกเก็บเงินจากธนาคาร ถือได้ว่าจำเลยออกเช็คพิพาทโดยมีเจตนาเพื่อให้เป็นประกันการชำระหนี้ที่โจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คทั้ง 10 ฉบับไม่ได้ หาได้มีเจตนาให้โจทก์นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารตามวิธีการในทางแพ่งของกฎหมายลักษณะตั๋วเงินไม่ จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คธนาคารกรุงเทพจำกัด สาขาจัตุรัส จำนวน 3 ฉบับ มอบให้แก่โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้ ต่อมาปรากฏว่าธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค การกระทำของจำเลยถือว่าออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 3 กระทงโดยโทษตามเช็คฉบับแรกและฉบับที่สองจำคุกกระทงละ 1 เดือน โทษตามเช็คฉบับที่สามจำคุก 3 เดือน รวมจำคุก 5 เดือน คำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง นับเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เห็นสมควรลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 3 เดือน 10 วัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องกับในชั้นพิจารณาถึงข้อเท็จจริงแตกต่างกัน เมื่อพิจารณาถึงพฤติการณ์ที่โจทก์ไม่นำเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินจากธนาคารตรงตามวันที่สั่งจ่ายในเช็คดังกล่าวแล้ว ทำให้เชื่อได้ตามคำเบิกความของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่า ที่จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสามฉบับ ให้แก่โจทก์นั้น เป็นการออกเช็คเพื่อแทนเช็คจำนวน 10 ฉบับ ที่จำเลยสั่งจ่ายชำระหนี้ค่ากระจกให้แก่โจทก์และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยมีข้อตกลงกันว่า เมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนดจำเลยจะนำเช็คใหม่หรือเงินสดมาแลกเช็คพิพาทไปจากโจทก์ โดยไม่ให้โจทก์นำเช็คเรียกเก็บเงินจากธนาคาร ซึ่งสำหรับเช็คพิพาทตามเอกสารหมาย จ.5นั้นก็ปรากฏว่าโจทก์รับมาในวันเดียวกันกับเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1และ จ.3 และตามพฤติการณ์ มีเหตุน่าเชื่อว่า โจทก์ได้รับเช็คทั้งสามฉบับไว้พร้อมกันและโดยในสถานะอย่างเดียวกัน กรณีเช่นนี้ย่อมถือได้ว่า จำเลยออกเช็คพิพาททั้งสามฉบับของจำเลยให้แก่โจทก์โดยจำเลยมีเจตนาเพื่อให้เช็คพิพาทดังกล่าวเป็นประกันการชำระหนี้ที่โจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คทั้งสิบฉบับของจำเลยไม่ได้หาได้มีเจตนาที่จะให้โจทก์นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารตามวิธีการในทางแพ่งของกฎหมายลักษณะตั๋วเงินไม่ แม้ธนาคารจะปฏิเสธการจ่ายเงิน การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิด
พิพากษายืน

Share