คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เพียงแต่ยื่นบัญชีแสดงรายงานงบเดือนการขุดหาแร่และจำหน่ายแร่ดีบุกต่อเจ้าพนักงานผิดจากความจริงนั้นยังไม่เป็นความผิด จะเป็นผิดต่อเมื่อโจทก์สืบได้ว่าจำเลยมีเจตนารายงานเท็จ.

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยได้รับมอบอำนาจให้เป็นผู้ถือประทายบัตรทำการขุดหาแร่ดีบุก เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๔๘๒ จำเลยได้ยื่นบัญชีแสดงรายงานงบเดือนการขุดหาแร่และจำหน่ายแร่ดีบุกประจำเดือนมิถุนายนต่อเจ้าพนักงานว่า ในเดือนมิถุนายนทำการขุดหาแร่ได้ ๒ หาบ ๓๐ ชั่งและได้จำหน่ายไปทั้งหมดต่อมาวันที่ ๕ สิงหาคม จำเลยยื่นคำร้องขอแก้งบเดือนที่ได้ยื่นไว้ว่า ผิดไปโดยความพลั้งเผลอ ซึ่งความจริงจำเลยขุดหาแร่ได้ ๑๑ หาบ ๘๒ ชั่งและจำหน่ายไปทั้งหมด
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยต้องมีความผิดเพราะการกระทำของจำเลยเป็นความผิดแต่วันที่จำเลยได้ยื่นรายงานแล้ว ที่จำเลยขอแก้นั้นเป็นเหตุให้ศาลใช้ดุลพินิจในการลงโทษเท่านั้น จึงพิพากษาลงโทษจำเลย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยได้ยื่นรายงานบอกจำนวนแร่ผิดความจริง โดยความพลั้งเผลอ หามีเจตนาแสดงความเท็จไม่ จึงลงโทษตาม พ.ร.บ.เหมืองแร่ ม.๓๕ ไม่ได้ เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบให้เห็นว่า จำเลยได้ยื่นรายงานเท็นโดยตั้งใจแต่โจทก์ก็หาสืบไม่ จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อจำเลยทราบว่ารายงานจำนวนแร่ผิด จำเลยก็ยื่นคำร้องขอแก้ไม่มีอะไรแสดงให้เห็นว่า จำเลยมีเจตนารายงานบอกจำนวนเท็จ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share