คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6048/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ป. ทำสัญญากับจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 ยินยอมให้ป. เข้าทำการค้าในสถานที่หรือแผงขายสินค้าด้วยตนเองจะนำไปให้บุคคลอื่นทำการค้าหรือโอนสิทธิให้บุคคลอื่นไม่ได้เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากจำเลยที่ 1ก่อน สิทธิอันเกิดจากสัญญาดังกล่าวจึงเป็นสิทธิเฉพาะตัวของป. ไม่เป็นทรัพย์ในกองมรดกของ ป. ที่ผู้จัดการมรดกจะจัดการได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายปรีตัม ซิงห์หรือพี.เอส.กุกเรยา ตามคำสั่งของศาล ขณะที่นายปรีตัม ซิงห์ยังมีชีวิตอยู่ จำเลยที่ 1 ทำสัญญากับนายปรีตัม ซิงห์ยินยอมให้นายปรีตัม ซิงห์ เข้าทำการค้าขายในสถานที่หรือแผงขายสินค้าห้องที่ 7 ล็อกที่ อี.1 นายปรีตัม ซิงห์ได้นำออกให้ผู้อื่นเช่าได้ค่าเช่าเดือนละ 3,500 บาท ครั้นนายปรีตัม ซิงห์ ถึงแก่กรรม จำเลยที่ 2 ซึ่งได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ 1 เข้าจัดการให้เช่าและเก็บค่าเช่าจากแผงขายสินค้าดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2533 โดยเก็บค่าเช่าเดือนละ3,500 บาท จนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 91,000 บาท เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกผู้ตาย ขอให้บังคับจำเลยที่ 1จัดการให้โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายปรีตัม ซิงห์ผู้ตายเข้าสวมสิทธิเป็นคู่สัญญากับจำเลยที่ 1 หากจำเลยที่ 1ไม่ปฎิบัติ ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยทั้งสองพร้อมบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปและไม่ยุ่งเกี่ยวกับแผงขายสินค้าพิพาท และร่วมกันชำระเงินจำนวน 91,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปและค่าเสียหายเดือนละ 3,500 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะปฎิบัติตามคำขอข้างต้น ถ้าจำเลยทั้งสองไม่สามารถจัดให้โจทก์เข้าเป็นคู่สัญญากับจำเลยที่ 1ได้ รวมทั้งให้จำเลยทั้งสองและบริวารออกจากแผงขายสินค้าพิพาทให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ให้การว่า นายปรีตัม ซิงห์ ผิดสัญญาไม่ชำระค่ายามรักษาความปลอดภัยและค่ารักษาความสะอาด และยังนำสถานที่การค้าไปให้บุคคลอื่นทำการค้าโดยมิได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงเลิกสัญญากับนายปรีตัม ซิงห์และด้วยสิทธิการเข้าทำการค้าในสถานที่ของจำเลยที่ 1 นี้เป็นสิทธิเฉพาะตัวของนายปรีตัม ซิงห์ เมื่อนายปรีตัม ซิงห์ถึงแก่กรรมจึงไม่เป็นมรดกตกแก่ทายาท โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า หลังจากนายปรีตัม ซิงห์ ถึงแก่กรรมจำเลยที่ 2 ไม่ได้เข้าเกี่ยวข้องให้เช่าหรือเรียกเก็บค่าเช่าจากผู้เช่า ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้นว่า สิทธิที่นายปรีตัม ซิงห์ เข้าครอบครองใช้ประโยชน์จากแผงขายสินค้าของจำเลยที่ 1 เป็นเรื่องเช่าทรัพย์ เป็นสิทธิเฉพาะตัว เมื่อนายปรีตัม ซิงห์ ถึงแก่กรรม สิทธิการเช่าจึงระงับ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สิทธิที่นายปรีตัม ซิงห์เข้าครอบครองใช้ประโยชน์จากแผงขายสินค้าตามสัญญาเป็นสิทธิเฉพาะตัว ไม่เป็นมรดก พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์มีว่าสิทธิที่นายปรีตัม ซิงห์เข้าครอบครองใช้ประโยชน์จากแผงขายสินค้าตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4 หรือเอกสารหมาย ล.1และ ล.2 เป็นสิทธิเฉพาะตัวหรือไม่ เห็นว่า ตามฟ้องโจทก์อ้างว่านายปรีตัม ซิงห์ ได้ทำสัญญากับจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1ยินยอมให้นายปรีตัม ซิงห์ เข้าทำการค้าในสถานที่หรือแผงขายสินค้าตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4 หรือเอกสารหมาย ล.1และ ล.2 ในสัญญาระบุให้นายปรีตัม ซิงห์ ทำการค้าด้วยตนเองจะนำไปให้บุคคลอื่นทำการค้าหรือโอนสิทธิให้บุคคลอื่นไม่ได้เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากจำเลยที่ 1เสียก่อน ตามฟ้องและข้อสัญญาดังกล่าวเห็นได้ชัดว่าเป็นสิทธิเฉพาะตัวของนายปรีตัม ซิงห์ ที่โจทก์ฎีกาอ้างว่าเอกสารหมายล.1 และ ล.2 เป็นเพียงที่มาแห่งสิทธิของนายปรีตัม ซิงห์เท่านั้น เมื่อยังไม่หมดอายุสัญญาวิธีปฎิบัติของการประกอบธุรกิจลักษณะนี้ย่อมทราบโดยทั่วไปว่าเป็นการจองหรือซื้อสิทธิเพื่อหาประโยชน์ จึงมิใช่สิทธิเฉพาะตัว เมื่อนายปรีตัม ซิงห์ถึงแก่กรรมผู้จัดการย่อมเข้าจัดการได้นั้น เห็นว่า เอกสารหมาย ล.1 และ ล.2 หรือเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4 เป็นสัญญาอันเป็นที่มาแห่งสิทธิของนายปรีตัม ซิงห์ ดังที่โจทก์อ้างแต่สิทธิอันเกิดจากสัญญาดังกล่าวเป็นสิทธิเฉพาะตัวดังที่ได้วินิจฉัยมาแล้ว เมื่อเป็นสิทธิเฉพาะตัวของนายปรีตัม ซิงห์ก็ย่อมไม่เป็นทรัพย์ในกองมรดกที่ผู้จัดการมรดกจะจัดการได้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share