คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2654/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพร้อมบ้านจากจำเลย แต่ไม่ได้กำหนดเวลาชำระราคาและวันรับโอนทรัพย์ การที่นายอำเภอมีหนังสือถึงโจทก์ตามคำขอของจำเลย แจ้งให้โจทก์ดำเนินการตามคำขอจะซื้อขายที่ดินที่ยื่นไว้ ถือไม่ได้ว่านายอำเภอเป็นตัวแทนจำเลยแจ้งให้โจทก์ปฏิบัติการชำระหนี้ จำเลยต้องทำตาม มาตรา 387 จึงจะเลิกสัญญาได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนขายที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์พร้อมบ้านให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่จัดการก็ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยให้จำเลยรับเงินจำนวน160,000 บาทจากโจทก์ จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “การซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลยไม่ได้กำหนดเวลาชำระราคาทรัพย์ส่วนที่เหลือและวันรับโอนทรัพย์ให้เป็นที่แน่นอนแม้ข้อเท็จจริงจะฟังดังจำเลยนำสืบว่า จำเลยเคยเตือนโจทก์ให้รับโอนทรัพย์หลายครั้ง และโจทก์อ้างว่ายังไม่มีเงิน แต่ก็ได้ความจากคำเบิกความของจำเลยว่า จำเลยได้บอกโจทก์ว่ามีเงินเมื่อใดก็จะจัดการโอนให้ กรณีเช่นนี้จำเลยจะต้องกำหนดระยะเวลาพอสมควรบอกกล่าวให้โจทก์ชำระหนี้เสียก่อน หากโจทก์ไม่ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนด จำเลยจึงจะมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทั้งนี้ตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 ที่จำเลยอ้างว่าเคยติดต่อให้นายอำเภอเมืองระยองมีหนังสือตามเอกสารหมาย ล.2ถึงโจทก์นั้น หนังสือของนายอำเภอดังกล่าวเป็นหนังสือแจ้งให้โจทก์ดำเนินการตามคำขอที่ยื่นไว้ ถือไม่ได้ว่านายอำเภอเป็นตัวแทนจำเลยแจ้งให้โจทก์ปฏิบัติการชำระหนี้ ทั้งทางพิจารณาก็ไม่ได้ความว่าจำเลยเคยบอกเลิกสัญญากับโจทก์ สัญญาจะซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลยจึงยังมีผลบังคับอยู่ จำเลยจะปฏิเสธไม่ยอมโอนทรัพย์ตามสัญญาหาได้ไม่”

พิพากษายืน

Share