คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ธนาคารโจทก์ได้ทำหนังสือค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อองค์การสะพานปลา ยินยอมใช้เงินให้แก่องค์การสะพานปลาในกรณีที่จำเลยที่ 1 ปฏิบัติผิดสัญญา ในการนี้จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาไว้แก่ธนาคารโจทก์มีข้อความว่าตามที่ธนาคารโจทก์ได้ทำหนังสือค้ำประกันจำเลยที่ 1ไว้กับองค์การสะพานปลานั้น ถ้าองค์การสะพานปลาเรียกร้องให้ธนาคารโจทก์ชำระเงินจำนวนที่ค้ำประกัน จำเลยที่ 2 ยอมรับผิดชอบให้ธนาคารโจทก์ไล่เบี้ยจากจำเลยที่ 2 ได้ในจำนวนเงินที่ชำระไปนั้น เอกสารดังกล่าวมิใช่สัญญาค้ำประกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 หากแต่เป็นสัญญาชนิดหนึ่งเท่านั้น จึงไม่เป็นตราสารที่ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามมาตรา 104 แห่งประมวลรัษฎากร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยที่ 1ได้ทำสัญญากับองค์การสะพานปลาทำการค้าปลีกน้ำแข็งเพื่อใช้ดองปลาในบริเวณสะพานปลาสมุทรสาครมีกำหนด 3 ปี โดยจำเลยชำระค่าธรรมเนียมเหมาจ่ายให้แก่องค์การสะพานปลาเดือนละ 65,050 บาท โจทก์ได้เข้าค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อองค์การสะพานปลามีสารสำคัญว่า หากจำเลยที่ 1 ปฏิบัติผิดเงื่อนไขในสัญญาโจทก์ยินยอมชดใช้เงินให้แก่องค์การสะพานปลาในวงเงิน130,100 บาท เพื่อเป็นประกันการที่โจทก์เข้าค้ำประกันจำเลยที่ 1 ดังกล่าว จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญายอมรับผิดชอบให้โจทก์ไล่เบี้ยจากจำเลยที่ 2 ในจำนวนเงินที่ได้ชำระให้แก่องค์การสะพานปลาแทนจำเลยที่ 1 พร้อมดอกเบี้ยและค่าเสียหายตามหนังสือสัญญารับประกันการชำระหนี้ท้ายฟ้อง จำเลยที่ 1ผิดนัดไม่ชำระค่าธรรมเนียมเหมาจ่ายเป็นรายเดือนให้แก่องค์การสะพานปลาเป็นเงิน 130,100 บาท โจทก์ชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1 ไปแล้วโจทก์ในฐานะผู้สวมสิทธิได้แจ้งให้จำเลยทั้งสองชำระเงินให้โจทก์ จำเลยทั้งสองเพิกเฉยขอให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้หลายประการ ประการหนึ่งก็คือหนังสือสัญญาค้ำประกันที่จำเลยที่ 2 ทำกับโจทก์ยังไม่มีผลเพราะเป็นเพียงข้อเสนอของจำเลยที่ 2 ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าให้องค์การสะพานปลา โจทก์ผู้ค้ำประกันได้ชำระเงินแทนจึงมีสิทธิเรียกจากจำเลยที่ 1 ได้ ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เพราะเอกสารหมาย จ.4 ที่โจทก์อ้างแม้จะฟังว่าเป็นหนังสือสัญญาค้ำประกันแต่มิได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ ไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินตามฟ้องให้แก่โจทก์ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2

โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดด้วย

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเอกสารหมาย จ.4 ไม่ใช่หนังสือสัญญาค้ำประกันแต่เป็นสัญญายอมรับผิดใช้เงินที่โจทก์ได้ชำระให้แก่องค์การสะพานปลาตามสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 ไปแล้ว ส่วนดอกเบี้ยโจทก์มีสิทธิเรียกได้ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 เพราะเป็นกรณีที่โจทก์เรียกร้องเอาเงินที่โจทก์ชำระไปตามสัญญาค้ำประกันซึ่งไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยกันไว้ พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดชำระเงินให้แก่โจทก์

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ธนาคารโจทก์ได้ทำหนังสือค้ำประกันจำเลยที่ 1 ในการดำเนินงานตามสัญญาทำการค้าปลีกน้ำแข็งกับองค์การสะพานปลา หากจำเลยที่ 1 ปฏิบัติผิดสัญญา โจทก์ยินยอมใช้เงินให้แก่องค์การสะพานปลาภายในวงเงิน 130,100 บาท ตามเอกสารหมาย จ.3ในการนี้จำเลยที่ 2 ทำสัญญายอมรับผิดให้โจทก์ไล่เบี้ยจากจำเลยที่ 2ได้ในจำนวนเงินที่ชำระไปพร้อมดอกเบี้ยและค่าเสียหายตามเอกสารหมายจ.4 จำเลยที่ 1 ปฏิบัติผิดสัญญา โจทก์ได้จ่ายเงินให้แก่องค์การสะพานปลาไปแล้ว แล้ววินิจฉัยว่า เอกสารหมาย จ.4 มีข้อความว่า “ข้าพเจ้านางรัชนีณ ระนอง ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ผู้ให้สัญญา” ทำหนังสือนี้ไว้ให้แก่ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด ว่าตามที่ธนาคารนี้ได้ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันนายเชวงศักดิ์ สุทธิบุตร ไว้กับองค์การสะพานปลาซึ่งต่อไปในสัญญานี้จะเรียกว่า “ผู้รับสัญญาค้ำประกัน” ถ้าผู้รับสัญญาค้ำประกันเรียกร้องให้ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด ชำระเงินจำนวนที่ค้ำประกันไว้โดยเหตุใด ๆก็ดี ผู้ให้สัญญายอมรับผิดให้ธนาคารนี้ไล่เบี้ยจากผู้ให้สัญญาได้ในจำนวนเงินที่ชำระไปนั้นพร้อมทั้งดอกเบี้ยและค่าเสียหาย” ตามข้อความดังกล่าว จำเลยที่ 1 มิได้เป็นปลูกหนี้โจทก์ โจทก์เป็นเพียงผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อองค์การสะพานปลาโดยมีจำเลยที่ 2 รับรองยินยอมให้โจทก์ไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 2 ได้ในความเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดแก่โจทก์เท่านั้น การที่จำเลยที่ 2 ยินยอมให้โจทก์ไล่เบี้ยได้ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าเอกสารหมาย จ.4 เป็นสัญญาค้ำประกันตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 หากแต่เป็นสัญญาชนิดหนึ่งระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ทั้งไม่เป็นตราสารที่ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามบทบัญญัติมาตรา 104 แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อโจทก์ต้องเสียหายโดยชำระหนี้ให้แก่องค์การสะพานปลาไปตามหนังสือค้ำประกันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 2 ใช้เงินนั้นได้

พิพากษายืน

Share