คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7062/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้องจำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้งดการชี้สองสถานและงดสืบพยานศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์อ้างว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ดังนั้นการที่จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวโดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลซึ่งถือได้ว่าไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา234กำหนดไว้กรณีหากจำต้องให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งกำหนดเวลาในจำเลยปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวก่อนไม่การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่ง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ได้ฟ้องจำเลยทั้งสองขอบังคับให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็คพิพาทเป็นเงิน 1,054,190 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีในต้นเงิน 985,535.60 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จจำเลยทั้งสองให้การปฎิเสธ ขอให้ยกฟ้องในวันชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยานโจทก์ทั้งสอง แล้วต่อมาได้พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่มีคำสั่งงดชี้สองสถานและงดสืบพยาน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสองอ้างว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ซึ่งจำเลยทั้งสองมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้จึงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2)
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสองเพราะมิได้นำเงินมาชำระมาชำระตามคำพิพากษาหรือการประกันให้ไว้ต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234
จำเลยทั้งสองฎีกาคำสั่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่าคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 3 เป็นไปโดยชอบหรือไม่ เห็นว่า อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสองดังกล่าวปรากฎว่าจำเลยทั้งสองมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลซึ่งถือได้ว่าไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 กำหนดไว้ กรณีหาจำต้องให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งกำหนดเวลาให้จำเลยทั้งสองปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวก่อนดังที่จำเลยทั้งสองฎีกาไม่ ดังนี้ถือได้ว่าที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสองนั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share