คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7059-7060/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

เมทแอมเฟตามีนเป็นยาเสพติดให้โทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฯ ส่วนอีเฟดรีนเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประประสาท ฯ แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จะร่วมจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนของกลางในคราวเดียวกัน การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

ย่อยาว

เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งห้าเป็นสำนวนคดีแรกคงมีแต่จำเลยที่ 4 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่เหลือให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ให้การปฏิเสธเป็นคดีใหม่ โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสี่เป็นสำนวนคดีหลัง ต่อมาศาลชั้นต้นสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันโดยให้เรียกโจทก์ทั้งสองสำนวนว่าโจทก์และเรียกนางสาวศรีวันจำเลยที่ 4 ในสำนวนคดีหลังว่าจำเลยที่ 5 ส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ในสำนวนคดีหลังว่าจำเลยที่ 5 ส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ในสำนวนคดีแรกให้คงเรียกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ตามเดิม
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองสำนวนขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 4, 13 ทวิ, 62, 89, 106, 116 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนและโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การรับสารภาพฐานร่วมกันมีอีเฟดรีนและเมทแอมเฟตามีน 1,000 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย ส่วนความผิดฐานอื่นให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ 4 ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 3 และที่ 5 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ที่แก้ไขแล้ว (ที่ถูก ไม่ต้องระบุ) มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสอง พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ที่แก้ไขแล้ว (ที่ถูก ไม่ต้องระบุ) มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 62 วรรคหนึ่ง, 89, 106 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุกคนละ 12 ปี และปรับคนละ 400,000 บาท ฐานขายอีเฟดรีน จำคุกคนละ 10 ปี รวมจำคุกคนละ 22 ปี และปรับคนละ 400,000 บาท จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง ส่วนจำเลยที่ 3 คำให้การในชั้นจับกุม ชั้นสอบสวน และชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 คนละ 11 ปีและปรับคนละ 200,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 3 คงจำคุก 14 ปี 4 เดือน (ที่ถูก 14 ปี 8 เดือน) และปรับ 266,666.67 บาท จำเลยที่ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 (ที่แก้ไขแล้ว) มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสอง พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 62 วรรคหนึ่ง, 89, 106 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยที่ 4 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 30 ปี และปรับ 400,000 บาท ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 12 ปี และปรับ 400,000 บาท ฐานมีอีเฟดรีนไว้ในครอบครองเป็นความผิดกรรมเดียวกับขาย จึงลงโทษฐานขายอีเฟดรีนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 20 ปี รวมจำคุก 62 ปี และปรับ 800,000 บาท จำเลยที่ 4 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 31 ปี และปรับ 400,000 บาท ริบเมทแอมเฟตามีน อีเฟดรีน และโทรศัพท์เคลื่อนที่ 4 เครื่อง ของกลาง ความผิดฐานอื่นของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้ยก สำหรับจำเลยที่ 5 ให้ยกฟ้อง
โจทก์และจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งห้ามีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสอง พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และมาตรา 80 การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ฐานร่วมกันพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนกับฐานร่วมกันขายอีเฟดรีนเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานร่วมกันพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 8 ปี และปรับคนละ 300,000 บาท สำหรับจำเลยที่ 4 และที่ 5 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุกคนละ 30 ปี และปรับคนละ 400,000 บาท ฐานร่วมกันขายอีเฟดรีน จำคุกคนละ 10 ปี ฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุกคนละ 8 ปี และปรับคนละ 300,000 บาท รวมลงโทษจำเลยที่ 4 และที่ 5 จำคุกคนละ 48 ปี และปรับคนละ 700,000 บาท เมื่อลดโทษให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 คนละกึ่งหนึ่ง และลดโทษให้จำเลยที่ 3 และที่ 5 หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้วจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำคุกคนละ 4 ปี และปรับคนละ 150,000 บาท จำเลยที่ 3 จำคุก 5 ปี 4 เดือน และปรับ 200,000 บาท จำเลยที่ 4 จำคุก 24 ปี และปรับ 350,000 บาท จำเลยที่ 5 จำคุก 32 ปี และปรับ 466,666.67 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์แต่เพียงว่า การกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและฐานขายอีเฟดรีนจำนวน 1,000 เม็ด เป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกัน เห็นว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยทั้งห้าร่วมกันมีอีเฟดรีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทในประเภท 2 จำนวนเท่าใดไม่ปรากฏชัดน้ำหนักรวม 39.600 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 1.044 กรัม ไว้ในครอบครองของจำเลยทั้งห้าเพื่อขาย อันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 และจำเลยทั้งห้าร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวนเท่าใดไม่ปรากฏชัด น้ำหนักรวม 250.580 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 15.663 กรัม ไว้ในครอบครองของจำเลยทั้งห้าเพื่อจำหน่ายอันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และจำเลยทั้งห้าได้ร่วมกันจำหน่าย (ขาย) อีเฟดรีนและเมทแอมเฟตามีนที่มีไว้ดังกล่าว 1,000 เม็ด ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า เมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนต่างก็แยกจากกันนับเป็นเม็ดได้ โดยนางสาววิรดาผู้ทำการวิเคราะห์ของกลางทำบันทึกผลการตรวจวิเคราะห์ไว้ว่าของกลางจำนวน 1,000 เม็ดเป็นอีเฟดรีน 176 เม็ด ที่เหลือนอกนั้นเป็นเมทแอมเฟตามีนตามรายงานการตรวจวิเคราะห์เมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนของกลางจำนวน 1,000 เม็ดดังกล่าวจึงเป็นของกลางคนละประเภทกัน โดยเมทแอมเฟตามีนเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ส่วนอีเฟดรีนเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เกี่ยวกับของกลาง 2 ประเภท จึงเป็นความผิดต่อกฎหมายต่างฉบับกันอย่างชัดแจ้ง แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จะร่วมจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนของกลางในคราวเดียวกัน การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและมีอีเฟดรีนไว้เพื่อขาย เป็นความผิดกรรมเดียวกันนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ฐานร่วมกันพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนกับฐานร่วมกันขายอีเฟดรีนเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุกคนละ 8 ปี และปรับคนละ 300,000 บาท ฐานร่วมกันขายอีเฟดรีน จำคุกคนละ 10 ปี รวมจำคุกคนละ 18 ปี และปรับคนละ 300,000 บาท ลดโทษให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละกึ่งหนึ่งและลดโทษให้จำเลยที่ 3 หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงลงโทษ จำเลยที่ 1 และที่ 2 จำคุกคนละ 9 ปี ปรับคนละ 150,000 บาท จำเลยที่ 3 จำคุก 12 ปี ปรับ 200,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share