คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6997/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

คำฟ้องของโจทก์มีคำขอท้ายฟ้อง 2 ประการ คือ ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์จดทะเบียนรับเด็กหญิง ญ. จำเลยที่ 2 เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ และขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์มีอำนาจปกครอง อุปการะเลี้ยงดูจำเลยที่ 2 ดังนี้ การที่จำเลยทั้งสองฟ้องแย้งขอให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูจำเลยที่ 2 จึงเป็นข้อโต้แย้งเกี่ยวเนื่องจากคำขอท้ายฟ้องของโจทก์นั่งเอง สมควรที่จะได้วินิจฉัยให้เสร็จไปในคราวเดียวกันไม่เยิ่นเย้อที่จะต้องรอให้คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์จนคำพิพากษาถึงที่สุดเสียชั้นหนึ่งก่อนแล้วจึงจะมาฟ้องขอเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูอีกในภายหลัง กรณีถือได้ว่าฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาให้โจทก์จดทะเบียนจำเลยที่ 2 เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายได้ และให้โจทก์มีอำนาจปกครอง อุปการะเลี้ยงดูจำเลยที่ 2
จำเลยทั้งสองให้การ แก้ไขคำให้การและฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้อง หากศาลพิพากษาให้โจทก์จดทะเบียนจำเลยที่ 2 เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายอันจะเป็นเหตุให้โจทก์มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมจำเลยที่ 2 ขอฟ้องแย้งให้บังคับโจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูจำเลยที่ 2 เดือนละ 50,000 บาท นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาจนกว่าจำเลยที่ 2 จะบรรลุนิติภาวะและจบการศึกษาจนสามารถเลี้ยงดูตนเองได้ และกำหนดให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูจำเลยที่ 2 เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 10 ของจำนวนเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูที่ต้องชำระทุกปีด้วย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข จึงไม่รับฟ้องแย้ง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฟ้องแย้ง
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 1 แถลงรับข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นบิดาของจำเลยที่ 2 ที่แท้จริง ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งงดการชี้สองสถานและงดการสืบพยานโจทก์จำเลยทั้งสอง โดยเห็นว่าสามารถวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้โดยไม่ต้องสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 เป็นบุตรของโจทก์ ให้โจทก์จดทะเบียนจำเลยที่ 2 เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่งดชี้สองสถานและงดการสืบพยานกับอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่งดการชี้สองสถานและงดการสืบพยาน กับยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อจากการรับฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกว่า ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม หรือไม่ ได้ความว่า ตามคำฟ้องของโจทก์มีคำขอท้ายฟ้อง 2 ประการ คือ ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์จดทะเบียนรับเด็กหญิง ญ. จำเลยที่ 2 เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์และขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์มีอำนาจปกครอง อุปการะเลี้ยงดูจำเลยที่ 2 ดังนี้ การที่จำเลยทั้งสองฟ้องแย้งขอให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูจำเลยที่ 2 จึงเป็นข้อโต้แย้งเกี่ยวเนื่องจากคำขอท้ายฟ้องของโจทก์นั่นเอง สมควรที่จะได้วินิจฉัยให้เสร็จไปในคราวเดียวกันไม่เยิ่นเย้อที่จะต้องรอให้คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์จนคำพิพากษาถึงที่สุดเสียชั้นหนึ่งก่อนแล้วจึงจะมาฟ้องขอเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูอีกในภายหลัง กรณีถือได้ว่าฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวมีคำพิพากษาให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต่อไปตามฎีกาของโจทก์มีว่า กรณีมีเหตุสมควรยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและดำเนินกระบวนพิจารณาคดีใหม่หรือไม่ เห็นว่า ตามคำให้การของจำเลยทั้งสองได้ยกประเด็นขึ้นต่อสู้ว่า โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและโจทก์ไม่สมควรเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองของจำเลยที่ 2 ไว้ด้วย ซึ่งการที่จะวินิจฉัยว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยสุจริตหรือไม่ และโจทก์สมควรเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองของจำเลยที่ 2 หรือไม่ จำเป็นต้องมีการสืบพยานให้ได้ความ การที่ศาลชั้นต้นเห็นว่า เมื่อจำเลยที่ 1 แถลงรับว่าโจทก์เป็นบิดาของจำเลยที่ 2 ที่แท้จริงแล้ว คดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยานจึงมีคำสั่งงดชี้สองสถานและงดสืบพยานและพิพากษาคดีไปเสียทีเดียวจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ อีกทั้งยังมีประเด็นพิพาทตามคำฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองเพิ่มเติมขึ้นมาอีกด้วย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่งดชี้สองสถานและงดสืบพยานกับยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อจากการรับฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองต่อไปแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดีจึงชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องในผล ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
พิพากษายืน

Share