คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7057/2549

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยมีอายุ 19 ปี กระทำการขายหรือเสนอเพื่อขายเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ จำเลยจึงมีหน้าที่ที่จะขอใบอนุญาตประกอบกิจการจากนายทะเบียนตาม พ.ร.บ.ควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ฯ มาตรา 7 (1) แม้จำเลยจะเป็นผู้เยาว์ แต่เมื่อจำเลยจำหน่ายแผ่นวีซีดีภาพยนตร์ในลักษณะทำเป็นธุรกิจโดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายซึ่งเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4, 6, 8, 15, 28, 31, 61, 70, 75, 76 ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การกำหนดรายชื่อประเทศภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์หรืออนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของนักแสดง ลงวันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2545 พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 มาตรา 4, 6, 34 กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 8 (พ.ศ.2542) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 58, 83, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 และให้วีซีดีของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ตามฟ้องจำนวน 22 แผ่น ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ สั่งจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ด้วย และนำโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีหมายเลขแดงที่ 4359/2547 และ 5640/2547 ของศาลแขวงดุสิตมาบวกกับโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ และจำเลยที่ 2 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับบุคคลที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 (1) ประกอบมาตรา 70 วรรคสอง และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำเลยทั้งสามมีอายุเพียง 19 ปี และของกลางมีจำนวนไม่มาก ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้รอการกำหนดโทษจำเลยทั้งสามไว้มีกำหนด 1 ปี และให้คุมประพฤติจำเลยทั้งสามโดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 4 เดือนต่อครั้ง มีกำหนดระยะเวลา 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ให้แผ่นวีซีดีภาพยนตร์ของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ตามฟ้อง จำนวน 22 แผ่น ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งสามในความผิดต่อพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ข้อแรกว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายซึ่งเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาตด้วยหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยทั้งสามมีอายุ 19 ปี กระทำการขายหรือเสนอเพื่อขายเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ จำเลยทั้งสามจึงมีหน้าที่ที่จะขอใบอนุญาตประกอบกิจการจากนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติควบุคมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 มาตรา 7 (1) แม้จำเลยทั้งสามจะเป็นผู้เยาว์ แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากคำฟ้องประกอบคำให้การรับสารภาพของจำเลยทั้งสาม จำเลยทั้งสามจำหน่ายแผ่นวีซีดีภาพยนตร์ในลักษณะทำเป็นธุรกิจโดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายซึ่งเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางยกฟ้องในความผิดฐานนี้ โดยให้เหตุผลว่าจำเลยทั้งสามอายุ 19 ปี ยังเป็นผู้เยาว์ มิใช่ผู้ประกอบกิจการที่จะต้องไปขออนุญาตจากนายทะเบียนตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติควบุคมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 นั้น จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามโดยไม่รอการกำหนดโทษและนำโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ที่รอการลงโทษไว้ใน 2 คดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้นั้น เห็นว่า แม้การที่จำเลยทั้งสามขาย เสนอขายวีซีดีที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของกลางจะเป็นการสนับสนุนให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์โดยการทำซ้ำมากขึ้นและทำให้งานที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์เผยแพร่ออกสู่ท้องตลาด ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายในการปราบปรามการกระทำดังกล่าว อีกทั้งจำเลยทั้งสามกระทำเป็นปกติธุระเพื่อแสวงหากำไรในทางการค้า โดยเฉพาะจำเลยที่ 2 เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก 2 คดี แต่ศาลรอการลงโทษจำคุกไว้ก็ตาม แต่เนื่องจากวีซีดีที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของกลางมีเพียง 22 แผ่น ซึ่งเป็นจำนวนไม่มากนัก ประกอบกับคดีนี้จำเลยทั้งสามอายุเพียง 19 ปี และให้การรับสารภาพ ตามพฤติการณ์แห่งคดีจึงยังมีเหตุไม่สมควรให้จำเลยทั้งสามต้องถูกลงดทษจำคุกไปเสียทีเดียว แต่เห็นสมควรลงโทษปรับด้วยเพื่อให้หลาบจำ อุทธรณ์ของโจทก์ในข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 (1) ประกอบมาตรา 70 วรรคสอง และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงโทษจำเลยทั้งสาม จำคุกคนละ 3 เดือน ปรับคนละ 50,000 บาท ความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง, 34 ลงโทษจำเลยทั้งสามปรับคนละ 10,000 บาท รวมโทษทุกกระทงความผิดแล้ว จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 3 เดือน ปรับจำเลยทั้งสามคนละ 60,000 บาท จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 1 เดือน 15 วัน ปรับจำเลยทั้งสามคนละ 30,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้จ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสทิธิ์ที่ได้ชำระตามคำพิพากษากึ่งหนึ่งแก่เจ้าของลิขสิทธิ์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ

Share