แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ทราบคำสั่งของศาลแล้วโจทก์เพิกเฉยไม่ชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มตามที่ศาลกำหนด ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2)
การทิ้งฟ้องนั้นไม่มีกฎหมายบัญญัติให้คืนค่าขึ้นศาลให้แก่โจทก์ เหมือนอย่างกรณีที่ศาลไม่รับคำฟ้อง หรือถอนฟ้อง หรือยอมความกัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำแถลงของจำเลยว่า โจทก์ทราบคำสั่งของศาลโดยชอบแล้ว แต่โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีโดยไม่ชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มต่อศาลภายในเวลาที่ศาลกำหนด ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง จึงให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้นโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 30 มกราคม 2522 โดยแจ้งชัดว่า ให้โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มตามทุนทรัพย์ คือค่าภาษีการค้า 1,318,984.56 บาทและค่าปรับอีก 3,383,638.48 บาทภายใน 30 วัน นับแต่วันที่สั่งซึ่งโจทก์ได้ลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่งไว้ในรายงานกระบวนพิจารณานั้นแล้วต่อมาโจทก์ยังได้ยื่นคำร้องลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2522 และ 17 เมษายน 2522 ขอเลื่อนกำหนดเวลาการชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มออกไปอีกครั้งละ15 วัน ซึ่งศาลได้มีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องของโจทก์ทั้งสองครั้ง ในการขอเลื่อนครั้งสุดท้ายคือวันที่ 17 เมษายน 2522 นั้น โจทก์ได้หมายเหตุไว้ในท้ายคำร้องว่า ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ซึ่งศาลก็ได้มีคำสั่งอนุญาตไว้ในวันเดียวกับที่โจทก์ยื่นคำร้องนั้นเอง ฉะนั้นจึงต้องถือว่าโจทก์ได้ทราบคำสั่งนั้นแล้ว การที่โจทก์เพิกเฉยไม่ชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มตามที่ศาลกำหนด จึงถือได้ว่าเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลล่างทั้งสองจำหน่ายคดีชอบแล้ว
ที่โจทก์ฎีกาว่า ทุนทรัพย์ในคดีนี้ยังไม่แน่นอนโดยศาลแพ่งยังมิได้กำหนดทุนทรัพย์นั้นฟังไม่ขึ้น เพราะศาลแพ่งได้กำหนดทุนทรัพย์ที่โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพิ่มไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 30 มกราคม2522 โดยแจ้งชัดแล้ว
ที่โจทก์ฎีกาว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นเป็นพับ เป็นการไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาเช่นนั้นเป็นผลดีแก่โจทก์อยู่แล้ว เพราะเท่ากับเป็นการสั่งให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าโจทก์ไม่ต้องชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยนั่นเอง ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าศาลควรคืนค่าฤชาธรรมเนียมให้โจทก์ ซึ่งโจทก์คงจะหมายถึงว่าควรคืนค่าธรรมเนียมฟ้องหรือค่าขึ้นศาล 42,295 บาท ที่โจทก์เสียไว้ตามรายงานเจ้าหน้าที่ลงวันที่ 19 เมษายน 2521 ให้โจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่ากรณีทิ้งฟ้องนั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้คืนค่าขึ้นศาลให้แก่โจทก์เหมือนอย่างกรณีที่ศาลไม่รับคำฟ้อง หรือถอนฟ้อง หรือยอมความกัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151 ฉะนั้นที่ศาลล่างทั้งสองไม่คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่โจทก์เสียไว้แล้วเป็นเงิน 42,295 บาทให้แก่โจทก์ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องนั้น จึงเป็นการชอบแล้ว”
พิพากษายืน