คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 703/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยจุดไฟเผากิ่งไม้แห้งในไร่ของจำเลยและไฟได้ลุกลามไปไหม้ทรัพย์ของผู้เสียหาย ทั้งยังน่ากลัวจะไหม้โรงข้าวของผู้เสียหายอีกด้วย ความผิดของจำเลยขณะทำผิดต้องด้วยกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา187 วรรคสอง ไฟที่จำเลยจุดเผาขึ้นได้ไหม้เอาต้นมะพร้าวอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายตามข้อ (5) แห่ง มาตรา186 ด้วย โทษที่ควรลงแก่จำเลยจึงต้องเอาโทษที่กำหนดไว้ใน มาตรา186 เป็นเกณฑ์แต่ขณะนี้ กฎหมายลักษณะอาญาได้ถูกยกเลิกไปแล้วใช้ประมวลกฎหมายอาญาแทน การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตรงตามมาตรา 220 วรรคแรกแห่งประมวลกฎหมายอาญาแต่วรรค 2 ของมาตรานี้บัญญัติว่าถ้าเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 218 ให้ลงโทษดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 218 แต่ในมาตรา218ข้อ 1 ถึง 6 มิได้บัญญัติไว้ถึงเรื่องวางเพลิงเผาต้นมะพร้าวอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ไว้เลย ฉะนั้นจะลงโทษตามวรรคสองของ มาตรา 220ประมวลกฎหมายอาญาไม่ได้คงลงโทษจำเลยตาม มาตรา 220 วรรคแรกซึ่งมีอัตราโทษจำคุกเบากว่า มาตรา 187 วรรคแรกของ กฎหมายลักษณะอาญา ตาม มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเอาเพลิงจุดเผากอหญ้าและไม้แห้งในไร่ของจำเลยโดยลักษณะอันน่ากลัวจะเป็นอันตรายแก่ผู้คนและทรัพย์ของผู้อื่น เป็นเหตุให้ไฟลุกลามไหม้เข้าไปในสวนของนางหีด ลวกเผาต้นผลไม้พืชผลต่าง ๆ และรั้วไม้ของนางหีดคิดเป็นเงินรวม 327.50 บาท ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 187 วรรค 2 พระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ. 2475 มาตรา 5

จำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่าพยานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยเป็นผู้จุดเผาไฟรายนี้ ให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เชื่อพยานโจทก์ ฟังว่าจำเลยจุดไฟเผากิ่งไม้แห้งในไร่ของจำเลยในลักษณะที่ไฟอาจลุกลามไปไหม้รั้วและทรัพย์ของผู้เสียหายได้ เพราะที่ดินของผู้เสียหายอยู่ติดกับที่ของจำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 187 วรรค 2 ซึ่งบัญญัติว่าผู้กระทำผิดจะต้องถูกลงโทษตาม มาตรา 186 แต่ทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกไฟไหม้เป็นทรัพย์ที่มีราคาน้อย ตาม มาตรา 189 ให้ลงโทษในสถานเบาเพียงฐานทำให้เสียทรัพย์ตามมาตรา 324 ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานแล้ว จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 187 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ.2475 มาตรา 5 ประกอบด้วยมาตรา 189 และ มาตรา 324 ให้จำคุก 2 เดือน

โจทก์และจำเลยฎีกา

จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่า พยานโจทก์รับฟังลงโทษจำเลยไม่ได้

โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ที่ศาลอุทธรณ์วางบทลงโทษมายังไม่ชอบเพราะไฟที่จำเลยจุดเผานั้นได้เกิดไหม้ลุกลามไปถึงทรัพย์อย่างอื่นด้วย จำเลยจึงควรมีความผิดตาม มาตรา 187 วรรค 2 ซึ่งตามมาตรา 186 มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปจนถึงตลอดชีวิต ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุก 2 เดือนเบาไป ขอให้ลงโทษตามฟ้อง

ที่เกี่ยวกับฎีกาข้อเท็จจริงของจำเลย ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยจุดเผากิ่งไม้แห้งในไร่ของจำเลยและไฟได้ไหม้ทรัพย์ของผู้เสียหายไปแล้วด้วย และยังน่ากลัวจะไหม้โรงข้าวของผู้เสียหายอีก ให้ยกฎีกาจำเลย

ส่วนที่เกี่ยวกับฎีกาข้อกฎหมายของโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ดังกล่าวแล้ว ความผิดของจำเลยในขณะที่จำเลยกระทำผิด ต้องด้วยมาตรา 187 วรรค 2 ของ กฎหมายลักษณะอาญา เพราะไฟที่จำเลยจุดเผาขึ้นได้ไหม้เอาต้นมะพร้าวอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายตามข้อ (5) แห่ง มาตรา 186 ด้วย ไม่ต้องด้วยมาตรา 189 โทษที่ควรลงแก่จำเลยจึงต้องเอาโทษที่กำหนดไว้ในมาตรา 186 เป็นเกณฑ์ ซึ่งต้องจำคุกอย่างต่ำตั้งแต่ 10 ปีถึง ตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 1,000 บาท ถึง 10,000 บาท แต่ขณะนี้กฎหมายลักษณะอาญาได้ถูกยกเลิกไปแล้ว ใช้ประมวลกฎหมายอาญาแทนการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตรงตาม มาตรา 220 วรรคแรก ประมวลกฎหมายอาญา แต่วรรค 2 ของมาตรานี้บัญญัติว่า ถ้าเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ใน มาตรา 218 แต่ มาตรา 218 ตั้งแต่ข้อ 1 ถึง 6 มิได้บัญญัติไว้ถึงเรื่องวางเพลิงเผาต้นมะพร้าวอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ไว้เลย ฉะนั้น จะลงโทษตามวรรค 2 ของมาตรา 220 ประมวลกฎหมายอาญาไม่ได้ คงลงโทษตาม มาตรา 220วรรคแรก ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี เบากว่า มาตรา 187 วรรคแรกของกฎหมายลักษณะอาญา ตาม มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญาจึงต้องลงโทษตาม มาตรา 220 วรรคแรก

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 วรรคแรก มีกำหนด 1 ปี

Share