คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1579-1580/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมีชื่อในโฉนดร่วมกับบุตรของโจทก์โจทก์โดยลำพังคนเดียวย่อมฟ้องคดีเกี่ยวกับการที่มีผู้ปลูกโรงเรือนล้ำเข้ามาในเขตโฉนดรายนี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของร่วมคนอื่น
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันในศาล ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบเขตโฉนดของโจทก์ประการเดียว โดยยืนยันรับรองว่าถ้าโรงเรือนของจำเลยปลูกอยู่ในเขตโฉนดนั้น จำเลยยอมแพ้หากอยู่นอกเขตโฉนดดังกล่าวโจทก์ยอมแพ้ ดังนี้เป็นเรื่องคู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันในศาลโดยมีเงื่อนไขให้ถือเอาการรังวัดของเจ้าพนักงานที่ดินตามเขตโฉนดของโจทก์นั้นเป็นข้อแพ้ชนะในระหว่างกัน เมื่อได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ศาลก็ต้องพิพากษาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้น จำเลยไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งว่าเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดผิด

ย่อยาว

คดี 2 สำนวนนี้ พิจารณาพิพากษารวมกัน

โจทก์ฟ้องเป็นทำนองเดียวกันว่า จำเลยทั้ง 2 สำนวนบุกรุกเข้ามาปลูกโรงเรือนอยู่ในที่ดินโฉนดที่ 310 ของโจทก์ ขอให้รื้อถอนและห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง

จำเลยทั้ง 2 สำนวนต่อสู้ว่า ไม่ใช่ที่ดินของโจทก์ แต่เป็นที่ว่างเปล่าของรัฐบาล กับตัดฟ้องว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องได้แต่ลำพังตนคนเดียว โดยผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับโจทก์มิได้มอบอำนาจให้โจทก์ดำเนินคดีนี้

ชั้นพิจารณาคดี โจทก์จำเลยท้ากันให้เจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัดสอบเขตที่ดินตามโฉนดของโจทก์ดังฟ้อง ถ้าปรากฎว่าบ้านเรือนของจำเลยคนใดได้ปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ จำเลยนั้น ๆ ยอมแพ้คดีถ้าไม่อยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ โจทก์ก็ยอมแพ้คดีแก่จำเลยคนนั้น

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสอง ให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนโรงเรือนออกจากเขตโฉนดของโจทก์และห้ามมิให้เกี่ยวข้องต่อไป

ที่จำเลยฎีกาว่าที่ดินตามฟ้องมีชื่อโจทก์ร่วมกับบุคคลอื่น และโจทก์ไม่ได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของร่วมคนอื่น จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้นศาลฎีกาเห็นว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1359บัญญัติไว้ชัดว่า เจ้าของร่วมคนหนึ่ง ๆ อาจใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกได้ตลอดจนการเรียกร้องเอาทรัพย์สินนั้นคืนโดยอยู่ภายในเงื่อนไขแห่งมาตรา 302 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีเรื่องนี้ได้ และกรณีไม่ได้เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 62 ดังที่จำเลยเสนอขึ้นมาแต่ประการใด

ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าการรังวัดสอบเขต เจ้าพนักงานผู้กระทำการรังวัด วัดมาไม่ถูกต้องไม่ตรงต่อความจริง และจำเลยมิได้รับรองแผนที่วิวาทจึงใช้ไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเรื่องนี้ โจทก์จำเลยตกลงท้ากันในศาลขอให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบเขตโฉนดของโจทก์ประการเดียว โดยยืนยันรับรองว่า ถ้าโรงเรือนของจำเลยปลูกอยู่ในเขตโฉนดนั้น จำเลยก็ยอมแพ้ หากอยู่นอกเขตโฉนดดังกล่าว โจทก์ก็ยอมแพ้ ดังนี้ เป็นเรื่องคู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันในศาลโดยมีเงื่อนไขให้ถือเอาการรังวัดของเจ้าพนักงานที่ดินตามเขตโฉนดของโจทก์นั้นเป็นข้อแพ้ชนะในระหว่างกัน เมื่อได้ปฏิบัติการตามเงื่อนไขดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ศาลก็ต้องพิพากษาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้น จำเลยไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งว่าเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดผิด

Share