คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเช่า โดยจำเลยเอาที่ดินบางส่วนให้บุคคลอื่นครอบครอง เพราะสัญญาห้ามมิให้นำเอาที่ดินไปให้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้าอยู่แทนโดยเด็ดขาด แต่โจทก์แถลงรับในรายงานพิจารณาว่าหาได้ให้คำเตือนอย่างหนึ่งอย่างใดก่อนบอกเลิกสัญญาเช่าตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ.2489 มาตรา 16(2) ไม่ ดังนี้โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิ์ฟ้องขับไล่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและร้องเพิ่มเติมว่าจำเลยได้ทำสัญญาเช่าที่ดินแปลงหมายเลขที่ 167 เนื้อที่ประมาณ 51.32 ตารางวาอันเป็นส่วนหนึ่งของโฉนดเลขที่ 2707 ค่าเช่าเดือนละ 5 บาท 50 สตางค์ตามสัญญาท้ายฟ้องบัดนี้ปรากฏว่าจำเลยเอาที่ดินบางส่วนไปให้บุคคลอื่นครอบครองปลูกบ้านขึ้นอยู่ ต่อมาผู้ครอบครองที่ดินได้เอาบ้านที่ปลูกขึ้นไปขายให้นางพลกับนายประเสริฐเป็นการผิดสัญญาเช่าที่ห้ามมิให้เอาที่ดินไปให้ผู้หนึ่งผู้ใดเช่าอยู่แทนโดยเด็ดขาด และตามกฎหมายจำเลยก็ไม่ได้รับความคุ้มครองที่จะกระทำได้ โจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่าแล้วจำเลยไม่ยอมออก ขอให้บังคับจำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างและให้จำเลยกับบริวารออกไป

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าจำเลยเช่าอยู่อาศัย การที่จำเลยให้ผู้อื่นปลูกบ้านอยู่ในที่ดินที่เช่าของโจทก์ตลอดจนนางพลกับนายประเสริฐนั้นเป็นเพียงการอาศัยชั่วคราวไม่ใช่เข้ามาอยู่แทนดังโจทก์ฟ้องจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าโดยมิชอบ และโจทก์ไม่ยอมรับค่าเช่าจึงขอฟ้องแย้งให้โจทก์รับชำระค่าเช่า

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งมีใจความเช่นเดียวกับฟ้องของโจทก์ ฯลฯ

ชั้นพิจารณาโจทก์จำเลยต่างแถลงรับกันหลายข้อ ข้อสำคัญที่โจทก์รับคือ ข้อ 2 โจทก์ไม่ได้ให้คำเตือนอย่างหนึ่งอย่างใดแก่จำเลยก่อนบอกเลิกสัญญาเช่าข้อ 3 จำเลยเช่าที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย

โจทก์จำเลยต่างไม่สืบพยาน ขอให้ศาลวินิจฉัยคำฟ้อง คำให้การฟ้องแย้งและคำรับของโจทก์จำเลย ว่าการที่จำเลยผิดสัญญากับโจทก์โดยให้นางพล นายประเสริฐอาศัยในที่ดินที่จำเลยเช่าจากโจทก์นั้นโจทก์จะมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยหรือจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ หรือไม่ ฯลฯ

ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยให้นางพลนายประเสริฐอาศัยในที่ดินที่เช่าแม้จะผิดสัญญาเช่ากับโจทก์ โจทก์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์ ศาลรับเฉพาะข้อกฎหมาย

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเมื่อโจทก์รับว่าจำเลยได้เช่าที่พิพาทเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย จึงได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ และจำเลยรับเพียงว่าจำเลยได้ให้บุคคลอื่นอาศัยมิได้รับว่าจำเลยได้ให้บุคคลอื่นดังกล่าวเช่าช่วง กรณีไม่ต้องห้ามตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ มาตรา 16(3) พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าเรื่องนี้โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาโดยจำเลยเอาที่ดินบางส่วนให้บุคคลอื่นครอบครอง เพราะสัญญาห้ามมิให้นำเอาที่ดินไปให้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้าอยู่แทนโดยเด็ดขาดแต่โจทก์ได้แถลงรับในรายงานพิจารณาว่าหาได้ให้คำเตือนอย่างหนึ่งอย่างใดก่อนบอกเลิกสัญญาเช่าตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ พ.ศ. 2489 มาตรา 16(2) ไม่โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่

จึงให้ยกฎีกาโจทก์โดยพิพากษายืน

Share