คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7017/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยผู้มีหน้าที่นำสืบภายหลังมิได้ถามค้านตัวโจทก์ที่นำสืบก่อนเกี่ยวกับบันทึกถ้อยคำ(ท.ด.16)ไว้ขณะที่โจทก์เบิกความเป็นพยานก็ตามแต่เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้คัดค้านเสียในขณะที่จำเลยอ้างส่งเอกสารดังกล่าวประกอบคำเบิกความจำเลยจึงไม่ต้องห้ามรับฟังเอกสารนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งมีที่ดินติดกับที่ดินทางด้านทิศเหนือของโจทก์ สร้างรั้วคอนกรีตและรั้วลวดหนามรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ตลอดแนว โจทก์บอกกล่าวแล้ว จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยรื้อรั้วดังกล่าวออกไปจากที่ดินของโจทก์ หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 300 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะปฏิบัติตามคำพิพากษา
จำเลยให้การว่า จำเลยสร้างรั้วคอนกรีตและรั้วลวดหนามในที่ดินของจำเลย ไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ ระหว่างเขตที่ดินโจทก์จำเลยมีหลักหินปรากฏชัดเจน จำเลยสร้างรั้วในแนวตรงและเสียเนื้อที่ดินให้แก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในข้อกฎหมายเพียงว่า การที่จำเลยผู้มีหน้าที่นำสืบภายหลังมิได้ถามค้านตัวโจทก์ที่นำสืบก่อนเกี่ยวกับแบบบันทึกถ้อยคำ (ท.ด.16)เอกสารหมาย ล.1 ไว้เสียขณะที่โจทก์เบิกความเป็นพยาน จึงต้องห้ามมิให้รับฟังเอกสารดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 89 ที่ศาลอุทธรณ์รับฟังแบบบันทึกถ้อยคำ (ท.ด.16) เอกสารหมาย ล.1 มาเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า แม้จะฟังได้ว่าจำเลยผู้มีหน้าที่นำสืบภายหลังมิได้ถามค้านตัวโจทก์ที่นำสืบก่อนเกี่ยวกับบันทึกถ้อยคำ (ท.ด.16) เอกสารหมาย ล.1 ไว้ ขณะที่โจทก์เบิกความเป็นพยานก็ตาม แต่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 89 วรรคสอง บัญญัติว่า ถ้าคู่ความฝ่ายใดมิได้ถามค้านพยานของคู่ความฝ่ายที่นำสืบก่อนดังกล่าวมาข้างต้นแล้ว ต่อมานำพยานมาสืบถึงข้อความดังกล่าวมาข้างต้น คู่ความฝ่ายที่สืบพยานก่อนชอบที่จะคัดค้านได้ และในกรณีเช่นว่านี้ให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับฟังคำพยานเช่นว่ามานั้น ดังนั้นเมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้คัดค้านไว้เสียในขณะที่จำเลยอ้างส่งเอกสารประกอบคำเบิกความจำเลย จึงไม่ต้องห้ามรับฟังเอกสารดังกล่าว การที่ศาลอุทธรณ์รับฟังเอกสารหมายล.1 ของจำเลยมานั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share