คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6983/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่โจทก์นำหนี้ตามคำพิพากษาคดีแพ่งมาฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายก่อนสิ้นระยะเวลาบังคับคดี แม้การฟ้องคดีล้มละลายจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลง แต่การที่โจทก์จะฟ้องจำเลยให้ล้มละลายได้จะต้องนำพยานหลักฐานเข้าสืบเพื่อแสดงให้เห็นว่าก่อนฟ้องจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 9(1) เมื่อโจทก์นำสืบแต่เพียงหนังสือของสำนักงานที่ดินที่ว่าได้ตรวจสอบทรัพย์สินของจำเลยที่สำนักงานที่ดินแล้วไม่ปรากฏว่าจำเลยถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองที่ดิน โดยพยานหลักฐานของโจทก์นอกจากนั้นไม่ได้แสดงว่าจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว หรือมีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นเหตุให้สันนิษฐานว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 8 พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 461/2531 ของศาลชั้นต้น ซึ่งพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 297,082.56 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระและไม่มีทรัพย์สินอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะพึงยึดมาชำระหนี้ได้ เนื่องจากมีหนี้สินล้นพ้นตัว จำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์คำนวณถึงวันฟ้องเป็นเงิน752,837.75 บาท ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองไม่มีหนี้สินล้นพ้นตัวและมีทรัพย์สินพอชำระหนี้ได้ โจทก์ไม่เคยดำเนินการบังคับคดีแก่จำเลยทั้งสองแต่กลับมาฟ้องคดีนี้ก่อนสิ้นระยะเวลาบังคับคดีเพียง 1 วัน แสดงให้เห็นว่าโจทก์ใช้กฎหมายล้มละลายบีบบังคับจำเลยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 แผนกคดีล้มละลายพิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่ นายดำริส์ผุดผ่อง พยานโจทก์เบิกความว่า หลังจากศาลมีคำพิพากษาแล้วจำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ พยานได้ไปตรวจสอบทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองที่สำนักงานที่ดินจังหวัดระยอง สาขาแกลง เพียงแห่งเดียว ปรากฏว่าไม่มีชื่อจำเลยทั้งสองถือกรรมสิทธิ์และมีสิทธิครอบครองที่ดินแต่อย่างใด ตามหนังสือสำนักงานที่ดินจังหวัดระยอง สาขาแกลงลงวันที่ 13 ตุลาคม 2542 เอกสารหมาย จ.4 ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์ให้ทนายความมีหนังสือทวงถามจำเลยทั้งสองให้ชำระหนี้แก่โจทก์แล้วโดยหนังสือทวงถามลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2541 แจ้งให้จำเลยทั้งสองนำเงินตามคำพิพากษาซึ่งคำนวณถึงวันที่ 10 กรกฎาคม 2541 เป็นเงิน455,390.92 บาท ไปชำระแก่โจทก์ภายในวันที่ 13 กรกฎาคม 2541ตามหนังสือทวงถามเอกสารหมาย จ.5 แต่ส่งหนังสือทวงถามดังกล่าวให้จำเลยที่ 1 ไม่ได้ตามซองจดหมายและใบตอบรับเอกสารหมาย จ.6ส่วนจำเลยที่ 2 ได้รับเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2541 ตามใบตอบรับเอกสารหมาย จ.7 สำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 461/2531 ของศาลชั้นต้น โจทก์ขอให้ศาลออกคำบังคับเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2541และปรากฏจากรายงานการเดินหมายว่าส่งคำบังคับให้จำเลยที่ 1ได้โดยวิธีปิดหมายเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2541 ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ปรากฏรายงานการเดินหมายและยังไม่มีการขอให้ออกหมายบังคับคดีในคดีแพ่งดังกล่าว เห็นว่า โจทก์นำหนี้ตามคำพิพากษาคดีแพ่งดังกล่าวมาฟ้องเป็นคดีล้มละลายเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2541 และปรากฏจากคำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวประกอบกับสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 461/2531 ของศาลชั้นต้นว่า คดีแพ่งดังกล่าวจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวและพิพากษาในวันเดียวกันนั้น หลังจากศาลพิพากษาแล้วโจทก์เพิกเฉยไม่ได้ขอให้ออกคำบังคับให้จำเลยทั้งสองปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์เพิ่งมาขอให้ศาลออกคำบังคับเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม2541 ก่อนฟ้องคดีนี้เพียง 3 วัน และศาลชั้นต้นออกคำบังคับลงวันที่ 14กรกฎาคม 2541 ให้จำเลยทั้งสองปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วันซึ่งเป็นเวลาหลังจากที่โจทก์ฟ้องคดีนี้แล้ว แม้การฟ้องคดีล้มละลายนี้จะทำให้อายุความสะดุดหยุดลงก็ตาม แต่โจทก์จะฟ้องจำเลยทั้งสองให้ล้มละลายได้ก็ต่อเมื่อจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 9(1) ดังนั้น โจทก์จึงต้องนำพยานหลักฐานเข้าสืบเพื่อแสดงให้เห็นว่าก่อนฟ้องจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัว แต่คดีนี้โจทก์นำสืบเพียงว่าได้ตรวจสอบทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองที่สำนักงานที่ดินจังหวัดระยอง สาขาแกลง แล้วไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือสำนักงานที่ดินจังหวัดระยอง สาขาแกลงลงวันที่ 13 ตุลาคม 2542 อันเป็นเวลาหลังจากที่โจทก์ฟ้องคดีนี้แล้วนอกจากนี้แล้วพยานหลักฐานของโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัว หรือมีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 8 ที่จะเป็นเหตุให้สันนิษฐานว่าจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัว พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมารับฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของโจทก์ต่อไป เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share